วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

Giggs My Boss ผู้กุมชะตากรรมผีแดง ในโปรแกรมพรีเมียร์ลีกที่เหลืออยู่

Giggs My Boss 

ก็ไม่รู้ซินะ! ความรู้สึกของสาวกพันธุ์ "ปีศาจแดง" ทุกคนจะเป็นเหมือนกันกับผมรึเปล่า ...
ทั้งปลาบปลื้มใจ ทั้งอิ่มเอมใจ หัวใจพองโต น้ำตาคลอเบ้า ทั้งหมดทั้งมวลรวมแล้วคือ "ความสุข" ในทุกๆ ภาพบรรยากาศที่เกิดใน โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่ ถลุง นอริช ซิตี้ 4-0

ความสุขดังว่าหาใช่ใครคนนั้น (เดวิด มอยส์) โดนตัดเยื่อไม่เหลือใย หากแต่ไฮไลท์สำคัญคือการเขียนฝันให้เป็นจริงแด่ผู้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานของทีมอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ขึ้นแท่นนายใหญ่คุมทีมข้างสนามเป็นครั้งแรกในชีวิต

มิเพียงเท่านั้น "ปีกพ่อมดแห่งเวลส์" ยังรวบรวมกำลังพลอดีตเพื่อนร่วมรุ่นห้องเรียนปี 92 (Class Of '92) ทั้ง พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ ผนึกกำลังกับ ฟิล เนวิลล์ แท็กทีมคืนความสุขสู่มวลมหาประชาผี


กิ๊กส์ นำขบวน พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์ นำทีมฝ่าวิกฤต

เป็นภาพงานคือสู่เหย้าที่แสนจะชื่นมื่น อดีตเด็กน้อยในวันนั้น กลับมาผนึกกำลังร่วมกันทำงานเพื่อนำทีมผ่านพ้นวิกฤตใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลอันแสนย่ำแย่ โดยมี ไรอัน กิ๊กส์ เป็นหัวหน้าหมู่

จะว่าไปในฐานะที่ยังมีพันธสัญญาเป็นนักเตะ กิ๊กส์ ดูเหมือนจะอ่อนประสบการณ์งานด้านโค้ชด้อยกว่าเพื่อนอีก 3 ราย แต่ในด้านการยอมรับพักพวกยกให้ กิ๊กส์ เป็นเบอร์หนึ่ง และเป็นพี่ใหญ่ในฐานะที่มีพรรษามากกว่า

ในขณะที่ นิคกี้ บัตต์ ได้ชิมลางงานโค้ชก่อนใครในบทบาทกุนซือ "ผีแดง" ยู 19 โดยมี พอล สโคลส์ ติดสอยห้อยตามช่วยดูแลเสมือนมือขวา เช่นเดียวกับ เนวิลล์ ผู้น้อง ที่คืนสู่รังเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์ยุค มอยส์ มาแล้วตลอด 10 เดือน


นั่งคุมทีมข้างสนามครั้งแรกในชีวิต

แต่กระนั้น ประสบการณ์การผ่านร้อนผ่านหนาวในบทบาทนักเตะมาเกือบ 24 ปีเต็ม จนได้ชื่อว่าเป็น "The Man For All Season" บวกกับความจงรักภักดีที่มีแก่สโมสรที่เจ้าตัวอยู่ยั้งยืนยาวมาตั้งแต่อายุ 14 ขวบ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ กับตำแหน่งที่ได้รับ

การได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือชั่วคราวในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อาจดูเหมือนเป็นการมอบรางวัลตอบแทนความซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ อดออม ที่ กิ๊กส์ มีให้แก่ แมนฯ ยูฯ แต่หากมองในแง่จิตวิทยา การสร้างแรงจูงใจให้แก่แข้งรุ่นน้อง "ป๋ากิ๊กส์" คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด อันจะเห็นได้จากเกมคุมทีมประเดิมเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ถล่ม "นกขมิ้น" 4-0

ไม่ใช่เพราะสกอร์ที่ขาดกระจุย ไม่ใช่เพียงเพราะการเจอทีมที่ห่างชั้นกว่า แต่ทัศนะคติที่เปลี่ยนไปของบรรดาแข้ง "ผีแดง" คือความชัดเจนที่เด่นชัดขึ้นมามากกว่า 10 เดือนก่อนหน้านี้


ลีลาการคุมทีมข้างสนามของ ไรอัน กิ๊กส์

การปรับหมากมาเล่นในระบบ 4-4-2 ตั้งแต่ต้นเกม เป็นงานชิ้นแรกที่ "ป๋ากิ๊กส์" นำกลับคืนสู่ทีมอย่างที่ปราศรัยสั้นๆ ต่อหน้าผองแข้ง "ปีศาจแดง" ในวันรับงาน "เราจะกลับมาเล่นกันในแบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง"

ปฏิกิริยาตอบรับที่ได้จากนักเตะก็ชัดเจน บรรดาแข้งเลือด "ปีศาจ" ในคอนโทรล "ปีกพ่อมด" บึ่งตะลุยไปข้างหน้าด้วยสปีดความเร็วทะลุร้อย โดยมีความกระหายเป็นยาเร่ง กระตุ้นพลังงานบางอย่างออกมาสู่สายตา "เร้ด อาร์มี่"

เกมริมเส้นกลับมามีบทบาทสำคัญในแผนงานกุนซือหน้าใหม่ 3 ใน 4 ประตูที่ได้มาจากการเปิดจากด้านข้าง (รวมกับจุดโทษที่ได้) เสมือนกับภาพเดิมๆ สมัย "เซอร์เฟอร์กี้" คุมทีม กลับมาให้แฟนบอลได้แช่มชื่นอีกครั้งหนึ่ง

รูนี่ย์ - มาต้า ช่วยกันยิงคนละ 2 ประตู

ซึ่งกุนซือใหม่วัย 40 กระรัตไม่ปฏิเสธแต่อย่างใดว่าได้โทรปรึกษาขอคำแนะนำจากบุคคลผู้เปรียบเสมือน ดังพ่ออีกคน ว่าสิ่งใดควรจะทำหลังจากนี้ และสิ่งใดที่แฟนบอลคาดหวังอยากได้เห็น

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่เหลืออีก 3 เกมกับ ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า), ฮัลล์ ซิตี้ (เหย้า) และ เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน) ภายใต้การทำทีมของ ไรอัน กิ๊กส์ จะเป็นอีกเครื่องพิสูจน์ว่า "ผีแดง" ในยุคนี้ จะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า

ส่วนประเด็นกุนซือถาวรที่จะมีการแต่งตั้งขึ้นมาทำทีมในฤดูกาลหน้า เจอร์เก้น คล็อปป์ ชื่อเบอร์ต้นๆ ชิงปฏิเสธรับเผือกร้อนไปแล้วก่อนหน้า มีเพียง หลุยส์ ฟาน กัล คือเสียงที่ดังก้องและเป็นไปได้มากที่สุด ณ ขณะนี้

ความเหมือนในเวลาต่าง

แน่นอนว่า ฟาน กัล ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ จัดว่าเป็นกุนซือมากฝีมือผู้สามารถเสกความสำเร็จในรูปแบบถ้วยรางวัลให้กับทุกสโมสรที่เจ้าตัวคุมมา (อาแจ็กซ์, บาร์ซ่า และ บาเยิร์น) เช่นเดียวกับ แมนฯ ยูฯ หากการแต่งตั้งนั้นเกิดขึ้นจริง

แต่หากมองภาพในระยะยาว ทั้งทิศทางของทีม, แผนพัฒนาด้านต่างๆ รวมถึงระบบเยาวชน หากกับ ฟาน กัล ผู้ที่เปรียบเสมือนเรือจ้าง นำทีมประสบความสำเร็จแล้วก็จากไปในอดีต กับสโมสรที่เน้นในเรื่องของการวางรากฐานระยะยาวอย่าง แมนฯ ยูฯ ดูจะเข้ากันได้ไหมยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

โดยส่วนตัวทั้งในฐานะสาวกผู้จงรัก เช่นเดียวกับมี "กิ๊กส์ เป็นไอดอล" ยังมองถึงการสานงานต่อจาก "ป๋ากี้" โดยไร้รอยต่อ คือแนวทางที่ต้องก้าวเดินแบบไม่ต้องมีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้องให้ประวัติศาสตร์ของทีมมีรอยด่าง มองเคส เดวิด มอยส์ เป็นบทเรียน


เพราะฉะนั้นแล้ว ตามมุมมองที่ไม่ค่อยจะเอนเอียง ไรอัน กิ๊กส์ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดในการปลุกผีคืนจากหลุม นำความกระเหี้ยนกระหือรือกลับคืนร่างแข้ง "อสูร"
สาวก "ผีแดง" หลายท่านอาจมีความเห็นหลายหลากแต่งต่างกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา แค่อยากให้รู้ว่า "Giggs My Boss" ชื่อนี้ คือที่หนึ่งในใจฉัน

-จ่าตุ๊-


 ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก นัดชี้ชะตาแชมป์ : แบบ ลับ ลวง พราง?

เอกราช เก่งทุกทาง : ลับ ลวง พราง?
ข่าวพรีเมียร์ลีก : ชีวิตในโลกลูกหนังเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขณะที่ แมนฯยูไนเต็ด ตกสุดสุด จนต้องปลด เดวิด มอยส์ ทีมคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล กำลังจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หนแรกในรอบ 24 ปี

อาทิตย์นี้ถ้าชนะ เชลซี ได้ หงส์แดงแชมป์ พรีเมียร์ลีก แน่ๆ แม้จะเหลืออีก 2 นัด อันดับใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ก็ไม่อันตรายอะไรแล้ว
แต่เกมกับเชลซีเหมือนกับดักลับ ลวง พราง ตอนแรกทำท่าว่าจะยาก เพราะต่างฝ่ายต่างลุ้นแชมป์ พอ โชเซ่ มูรินโญ่ ออกข่าวว่าจะเก็บตัวจริงไว้เจอ แอตเลติโก้ มาดริด วันพุธ ความได้เปรียบก็เทไปอยู่ทางลิเวอร์พูล
ตรงนี้แหละหงส์แดงต้องระวัง เพราะเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ จะยากจะง่ายไม่มีใครรู้ เชื่อคำพูดมูรินโญ่ได้ไหม เชลซีจะเอาชุดไหนลงเล่นกันแน่
ผมว่ากุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกลียดเกมแบบนี้แน่นอน
ถ้าเจอเชลซีแบบฟูลทีม ตัวเก่งลงหมด เผลอๆ อาจง่ายกว่า เพราะรู้ว่าจะเตรียมตัวยังไง วางหมากรับมือแบบไหน แล้วพวกตัวจริงกับตัวจริงเจอกัน ก็รู้ทางกันมากกว่า ไม่เหมือนลงไปเตะกับตัวสำรองหรือเด็กดาวรุ่งที่ไม่เคยเห็นฝีเท้ามาก่อน แถมพวกนี้ยังสด วิ่งเป็นม้าอีกต่างหาก
ผมเป็นห่วงแทนลิเวอร์พูล เพราะรู้ว่ามูรินโญ่ละเอียดล้ำลึกขนาดไหน พูดเหมือนจะยอมรับสภาพว่าเลิกลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่คุณเชื่อหรือว่าคนอย่างจ่ามูจะยอมแพ้ง่ายๆ ยอมส่งทีมลงไปให้คู่แข่งถลุงเล่น
แล้วที่บอกว่าจะใช้นักเตะชุดสอง เขาก็บอกแค่จะให้ตัวที่ไม่ได้เล่นในเกมวันพุธหน้าสลับลงเตะที่แอนฟิลด์ ไม่ได้พูดชัดเจนเลยว่าจะเลือกตัวสำรองล้วนๆ หรือเด็กโนเนมมากๆ ลงสนาม
ที่แน่ๆ คือ ชุดสองของเชลซียังมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ จอห์น โอบี มิเคล ที่ติดโทษแบนในบอลยุโรป มี เนมันย่า มาติช กับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่ติดคัพไท เดมบ้า บา กับ อังเดร เชียร์เล่ ก็คาดว่าจะมาลงด้วยเหมือนกัน
ส่วนเด็กดาวรุ่งที่สื่อคาดว่าอาจจะได้โอกาสอย่าง โทมาส คาลาส, อันเดรียส์ คริสเตนเซ่น หรือ เนธาน อาเก้ จริงๆ แล้วอาจจะลงหรือไม่ลงก็ได้
มูรินโญ่เดินหมากนี้ร้ายกาจนัก ทำเหมือนแบไต๋ตรงๆ แต่ยิ่งทำให้คู่ต่อสู้ลังเล ไม่ไว้ใจ และคิดเยอะกว่าเดิม
ลิเวอร์พูลอาจจะชนะง่ายๆ หรือหลงเหลี่ยมมูรินโญ่จนเสียท่า มีสิทธิเป็นไปได้ทั้งนั้น
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องนิ่ง เตรียมทีมเหมือนที่เคยทำจนชนะมา 11 นัดรวดในลีก คือ มีสมาธิกับตัวเอง เล่นเกมของตัวเองให้ดี คู่ต่อสู้จะเป็นใครไม่ต้องสนใจ แค่ลงไปทำให้ได้ตามมาตรฐานของตัวเองก็พอ
หงส์แดงกำลังขึ้นหม้อ มี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ โจ อัลเลน อัพเกรดขึ้นมาเป็นแกนหลักเพิ่มอีก 2 คน จอน ฟลานาแกน ก็แข็งแกร่งจนเชื่อมือได้ ปัจจัยทุกด้านเป็นใจจนแทบจะเอาแชมป์ประเคนให้วันนี้ พรุ่งนี้ซะด้วยซ้ำ
อาทิตย์นี้ถึงจะดูมึนๆ แต่โอกาสแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลุดก็ยังยากอยู่ดี
คอลัมน์ คุยนอกจอ
โดย เอกราช เก่งทุกทาง มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557



 ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

12 ปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมตกอับในพรีเมียร์ลีกแยกทางกับมอยส์

12 ปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แยกทางกับมอยส์

ข่าวพรีเมียร์ลีก : หลังจากที่ทางสโมสรได้ประกาศแยกทางกับ เดวิด มอยส์ เป็นที่เรียบร้อย เราก็จะมาดูกันว่าอะไรคือ 12 ปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ไว้วางใจที่จะให้เขารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อไป

ความมีตัวตนในห้องแต่งตัว
ต่อหน้าสื่อมวลชน นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างก็พูดกันแต่ในแง่ดี แต่ทุกอย่างมันก็ฟ้องออกมาแล้วจากทั้งใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก และผลงานในสนาม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด มีข่าวลือแย่ๆ หลุดออกมามากมายในฤดูกาลนี้ โดยล่าสุดก็เป็น แดนนี่ เวลเบ็ค ที่เป็นข่าวว่าไม่มีความสุขกับชีวิตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนหน้านี้ก็เป็น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หลังเกมแพ้โอลิมเปียกอสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ส่วน เนมานย่า วิดิช ก็ถึงขั้นอำลาทีมล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย บางทีเรื่องราวเบื้องหลังเหล่านี้แหละที่ทำให้การทำทีมของมอยส์เป็นไปด้วยความลำบาก

การดึงดูดนักเตะชื่อดัง
ก่อนหน้านี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพลาดการดึงตัวนักเตะอย่าง เชส ฟาเบรกาส และ แกเร็ธ เบล กันมาแล้ว เมื่อมองไปถึงช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ เราจะยังหวังอะไรอีกกับการคว้าตัว โทนี่ โครส? เมื่อปีก่อนทีมปีศาจแดงได้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยโควต้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่มาคราวนี้แม้แต่ยูโรป้า ลีก ก็ยังไม่แน่เลยว่าจะได้ไปร่วมโม่แข้งด้วยไหม และด้วยสถานการณ์แบบนี้ก็เลิกหวังได้เลยว่าจะไปคว้าตัวสตาร์ดังๆ มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

ผลงานอันย่ำแย่
ฤดูกาลนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกต่ำถึงขั้นอยู่อันดับที่ 7 บน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ซึ่งครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทำอันดับได้แย่กว่านี้ก็คือปี 1990 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ โทนี่ โครส เกิดเลย

เขาทำให้การชมเกมในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไร้ซึ่งความตื่นเต้น
มันไม่ใช่เรื่องของผลการแข่งขันเท่านั้น แต่รวมถึงสไตล์การเล่นด้วย ซึ่งในสายตาของครอบครัวเกลเซอร์ที่เป็นชาวอเมริกันแล้วเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าตาเลย พวกเขามาจากประเทศที่มีกีฬาน่าตื่นเต้นมากมาย และความตื่นเต้นที่ว่านั้นใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ก็ไปอยู่กับลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล หรือแม้กระทั่งเอฟเวอร์ตันแทน ส่วนทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับกลายเป็นทีมที่ไร้แรงจูงใจ และขาดจินตนาการ ซึ่งตรงนี้มอยส์ และทีมงานของเขาต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

เขาจะไม่ได้รับความไว้วางใจให้จับจ่ายใช้สอยในช่วงซัมเมอร์นี้อีกแล้ว
ครอบครัวเกลเซอร์พร้อมที่จะทุ่มเงิน 100 ล้านปอนด์สำหรับการเสริมทีม แต่พวกเขาคงไม่ไว้วางใจให้มอยส์ใช้จ่ายอะไรแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว มารูยาน เฟลไลนี่ ถูกดึงเข้ามาด้วยค่าตัวมหาศาล และเขาก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง หากว่ามอยส์ยังได้คุมทีมต่อไปใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า ก็ไม่รู้ว่าเขาจะผลาญเงินแบบไร้ประโยชน์แบบนี้อีกหรือเปล่า

บุคลิกของเขาต่อหน้าสื่อมวลชน
มอยส์เข้ามารับงานในช่วงสัปดาห์แรกท่ามกลางแรงสนับสนุนล้นหลาม เขาให้ความเคารพต่อสโมสรแห่งนี้ แต่นานวันเข้าก็กลายเป็นว่างานนี้ใหญ่เกินไปสำหรับตัวเขา ที่ผ่านมาเขามักจะกล่าวโทษสิ่งอื่นตลอด ทั้งบ่น โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่ยาก การตัดสินของกรรมการ โชค และสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง

ภาพลักษณ์ของสโมสรที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ค
ก่อนหน้านี้เคยมีการวิเคราะห์กันว่าหากได้ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมมันจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าภาพลักษณ์ของสโมสรเสียหายเข้าขั้นวิกฤติไปแล้ว

การลงโทษนักเตะ
แดนนี่ เวลเบ็ค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ และ แอชลี่ย์ ยัง ถูกจับภาพได้ว่าออกไปเมากันหลังจากแพ้บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีเดียวกันเกิดขึ้นกับ คริส สมอลลิ่ง มาแล้ว สิ่งที่มอยส์ได้ตอบสนองกับสถานการณ์เหล่านี้เรียกได้ว่าไม่ส่งผลดีเลยกับทางสโมสร ซึ่งนั่นจะยิ่งกลายเป็นปัญหาเรื้อรังต่อไปอีกในฤดูกาลต่อๆ ไป

สถานการณ์ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
การซื้อตัวครั้งใหญ่หนสุดท้ายของเซอร์ อเล็กซ์ ได้กลายมาเป็นกุญแจสำคัญสู่การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่พอมาในยุคของมอยส์ กลับกลายเป็นว่าดาวยิงดัตช์มีข่าวว่าไม่มีความสุขในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยออกมาบ่นเกี่ยวกับการยืนตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถิติการถล่มประตูของเขาก็ยังถือว่าน่าประทับใจอยู่ เมื่อยิงได้ 17 ลูกในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ ก็ตามที

การตัดสินใจครั้งสำคัญ
การตัดสินใจไม่ใช้ทีมงานแบ็ครูมของเซอร์ อเล็กซ์ ดูจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา บางทีหากมอยส์ร่วมงานกับ ไมค์ ฟีแลน และ เรเน่ มิวเลนสทีน ที่รู้จักทีมเป็นอย่างดี งานของเขาอาจจะง่ายขึ้นกว่านี้ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกว่า เนมานย่า วิดิช สมควรได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อหรือไม่ หลังจากที่เตรียมย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาล รวมถึงกรณีของการใช้งาน ไรอัน กิ๊กส์ ในฤดูกาลที่ยากลำบากนี้ของทีมด้วย

แฟนๆ อาจไม่หนุนหลังเขาอีกต่อไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ทุกคนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด จะหนุนหลังผู้จัดการทีมอยู่ตลอดเวลา แต่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในด้านลบหลังแพ้คาบ้านแบบหมดรูปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จริงมันยังมี โปรแกรมพรีเมียร์ลีก เหย้าพบกับนอริช ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์ และฮัลล์ ซิตี้ รออยู่ข้างหน้าให้เขาได้แก้ตัว แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว

ยังมีตัวเลือกอื่นๆ รออยู่อีกมากมาย
นี่คือปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด ย้อนไปในตอนที่เซอร์ อเล็กซ์ อำลาตำแหน่ง ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ โชเซ่ มูรินโญ่ ต่างก็กำลังหางานใหม่ด้วยกันทั้งคู่ มาตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ยังมี คาร์โล อันเชล็อตติ อีกคนที่น่าจับตามอง หลุยส์ ฟาน กัล เองก็มีข่าวพัวพันกับทีมปีศาจแดงอยู่ ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็อาจมองว่าได้เวลาที่จะย้ายออกจากดอร์ทมุนด์แล้ว ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ของแอตเลติโก้ มาดริด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ก็อย่าได้มองข้ามผลงานอันยอดเยี่ยมที่ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ได้ทำกับเอฟเวอร์ตันด้วย
เรื่องโดย : SiR KeaNo

เครดิต : redarmyfc.com


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

บอร์ดผีแดงปลดเดวิด มอยส์! พ้นตำแหน่ง หลังพาทีมตกอับในฤดูกาลนี้

เรียบร้อย! บอร์ดผีแดงปลดเดวิด มอยส์ พ้นตำแหน่งกุนซือแล้ว

ข่าวพรีเมียร์ลีก : เป็นไปตามความคาดหมาย! เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายืนยันแล้วว่าทางสโมสรได้ปลดเดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่งกุนซือของทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปลด เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่ง หลังทำหน้าที่ได้ไม่ถึง 1 ปี โดยล่าสุดทำผลงานสุดย่ำแย่บุกไปแพ้เอฟเวอร์ตัน 0-2 ในโปรแกรมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตามเว็บไซต์สโมสรยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะติดต่อใครมาเป็นผู้จัดการคนต่อไป โดยมีข้อความระบุเพียงสั้นๆว่า 'ขอขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนัก ความซื่อสัตย์ และความทุ่มเทที่มีให้กับสโมสรตลอดมา'
ปัจจุบันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 7 บน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แข่งไป 34 นัด ชนะ 17 นัด เสมอ 6 นัด แพ้ 11 นัดมี 57 คะแนน

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

ผีแจกแต้ม! บุกพ่ายท็อฟฟี่ถึงถิ่น2-0 ยังยึดอันดับที่7 ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

ผีแจกแต้ม! บุกพ่ายท็อฟฟี่ถึงถิ่น2-0+ภาพ

ข่าวพรีเมียร์ลีก : พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ฤดูกาล 2013-14

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2557

เอฟเวอร์ตัน 2 - 0 แมนฯ ยูไนเต็ด

สนาม : กูดิสัน ปาร์ค

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก



คลิกชมภาพต่อไป

เริ่มเกมครึ่งแรก

มาได้ 9 นาที เจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตันได้ลุ้นก่อน เมื่อ รอสส์ บาร์คลี่ย์ เก็บบอลได้บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ แต่ซัดบอลข้ามคานออกไป

น.19 เชมัส โคลแมน เปิดบอลจากทางฝั่งขวาให้ สตีเว่น เนสมิธ ยิงตามน้ำ แต่บอลไปโดนแขน จอห์นนี่ อีแวนส์ กระดอนออกมา

น.22 ซิลแว็ง ดิสแต็ง วางบอลจากแดนตัวเองไปให้ หน้าเป้าแบบ โรเมอู ลูกาคู เบียดกับกองหลังแล้วโหม่งชงต่อให้ สตีเฟ่น เนย์สมิธ วิ่งมาซัดโด่งข้ามคาน

และน.26 เอฟเวอร์ตัน มาได้จุดโทษ จากเกมสวนกลับบอลมาถึง ลูกากู ทางขวาก่อนล็อกซัดด้วยซ้ายกลางประตู  และเป็น ฟิล โจนส์ ที่กางแขนสกัดบอล ทำให้ มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก ชี้เป็นจุดโทษ ก่อนเป็น เลห์ตัน เบนส์ รับสังหารเข้าไปไม่พลาด เอฟเวอร์ตัน ออกนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0


คลิกชมภาพต่อไป

น.35 เจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นอีกจากเกมโต้กลับ เนย์สมิธ ผ่านบอลให้ มิรัลลาส ที่ขึ้นมาทางขวา ก่อนปาดเข้ากลางผ่านหน้าประตู ลูกากู เข้าชาร์ตไม่ทันบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 42 เอฟเวอร์ตัน นำห่างเป็น 2-0 จากเกมโต้กลับอีกครั้ง  เชมุส โคลแมน ไหลบอลตามช่องให้กับ เควิน มิราลลัส เข้าไปซัดมุมแคบ ผ่าน ดาบิด เดเคอา เข้าไป

ท้ายเกม โอกาสใกล้เคียงที่สุดของทีมเยือน แมนฯ ยู จากเตะมุม เวนย์ รูนี่ย์ โยนมากลางประตู แกเร็ธ แบร์รี่ โหม่งผิดเหลี่ยม แต่ยังดีที่ ทิม ฮาวเวิร์ด ช่วยเชฟได้ทัน จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน ออกนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0



คลิกชมภาพต่อไป

เริ่มเกมครึ่งหลัง

น.52 ทีมเยือน แมนฯยูไนเต็ด ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษฝั่งขวา แต่ มาต้า ซัดไปติดกำแพงกระเด้งออกมา

น.61 โรเมอู ลูกาคู หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ แต่ เดเคอา เซฟใว้ได้ไม่พลาด

น.79 รูนี่ย์ เล่นพลาดเสียบอลเลยโดนโต้กลับเร็ว และเป็น สตีเฟ่น เนย์สมิธ ได้ยิงด้วยบอลพุ่งไปเสาสอง แต่ ดาบิด เด เคอา ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟไว้ได้อย่างสวยงาม

น.86 แมนฯยู พลาดโอกาสที่ใกล้เคียงได้ประตูมากที่สุด เมื่อ ชิชาริโต้ ดึงจังหวะรอ ก่อนผ่านบอลให้กับ รูนี่ย์ เยื้องทางซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนดวลตัวต่อตัวกับ ทิม ฮาวเวิร์ด แต่ดันยิงไปติดบล็อกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

จบเกม แมนฯยู ยังห่วยไม่เลิก บุกพ่าย เอฟเวอร์ตัน 2-0 โดยเจ้าบ้าน ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ยังมีลุ้นแย่งไปเล่น ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกโดยตามหลัง อาร์เซน่อล อันดับสี่ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อยู่เพียงแค่ คะแนนเดียว ส่วนแมนยู อยู่อันดับที่ 7 ได้แค่ลุ้น ยูโรป้า

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เอฟเวอร์ตัน ระบบ(4-2-3-1): ทิม ฮาวเวิร์ด : เชมัส โคลแมน, จอห์น สโตนส์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง(อันโตลิน อัลคาราซ น.45) , เลห์ตัน เบนส์ : เจมส์ แม็คคาร์ธี่, แกเร็ธ แบร์รี่ , สตีเวน เนย์สมิธ , รอสส์ บาร์คลี่ย์(ออสมาน น.70) , เควิน มิรัลลาส(ไอเดน แม็คเกียดี้ น.90+4) : โรเมลู ลูกากู

แมนฯ ยูไนเต็ด ระบบ(4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา : อาเลกซานเดอร์ บุทท์เนอร์ , ฟิล โจนส์ , คริส สมอลลิง , จอนนี่ อีแวนส์(ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ น.61) : ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไมเคิ่ล คาร์ริค, ฆวน มาต้า, ชินจิ คางาวะ(เวลเบ็ค น.75) , นานี่(อันโตนิโอ วาเลนเซีย น.61) : เวย์น รูนี่ย์



คลิกชมภาพต่อไป

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

สิงห์พัง!แมวดำบุกข่วนคาบ้าน1-2 ตามจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ต่อไป

สิงห์พัง!แมวดำบุกข่วนคาบ้าน1-2ตามหงส์2แต้ม

ข่าวพรีเมียร์ลีก : "สิงห์" โยนโอกาสขึ้นจ่าฝูงทิ้งแบบน่าเจ็บใจ หลังพลาดท่าเจอ "แมวดำ" บุกมาเชือดถึงบ้าน 2-1 ทำแต้มหยุดอยู่นิ่งที่ 75 คะแนน รั้งรองจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ต่อเช่นเดิม

การแข่งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013/2014 ประจำคืนวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2557 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์

เริ่มเกมไปได้เพียง 12 นาที เชลซี มาได้ประตูไปก่อนจากลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดเข้าหน้าประตู และเป็น ซามูเอล เอโต้ ที่วิ่งมาพร้อมกับ ลี แค็ทเทอร์มอร์ ที่คอยตามประกบอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะโฉบมาจัดการหวดด้วยขวาแบบเน้นๆ บอลผ่านมือ วีโต้ มานโนเน่ เข้าไปอย่างเฉียบขาด เจ้าถิ่นนำ 1-0

น.18 ทีมเยือนไม่เสียขวัญแถมยังทำประตูคืนได้อย่างรวดเร็ว มาร์กอส อลอนโซ่ รับบอลจากลูกเตะมุมที่ส่งมาให้ที่นอกเขต ก่อนจะจับแล้วซัดไกลระยะ 22 หลา บอลพุ่งไปถูก มาร์ค ชวาร์เซอร์ ปัดไว้ได้ แต่ลูกยังเข้าทาง คอนเนอร์ วิคแฮม วิ่งมาซ้ำจ่อๆ เข้าไป ซันเดอร์แลนด์ ตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1

ผ่านมาถึงนาทีที่ 37 เชลซี มาได้ลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดไปให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้โขกจ่อๆ 6 หลา บอลไปถูก มานโนเน่ ปัดชนคานก่อนจะตกบนเส้น ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าบอลติดมือไว้ได้อีกครั้ง เจ้าถิ่นชวดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นช่วงท้ายไม่มีการทำประตูเพิ่มเติมอีก หมดครึ่งแรกเสมอไป 1-1

กลับมาสู่ช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 57 ลี แค็ทเทอร์มอร์ มาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังจงใจไปดึงไม่ให้ ออสการ์ ลากหนี ในจังหวะที่ถูกฉกบอลไปได้

น.59 เชลซี ต้องแก้เกมส่ง เดมบา บา ลงมาช่วยเสริมเกมในแดนหน้าเป็นคนแรก โดยที่ทีมถอดเอา ออสการ์ ออกไป

น.65 เจ้าถิ่นพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อ เดมบา บา ทำชิ่งให้ วิลเลี่ยน ลากไปจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะตบกลับคืนให้ บา ที่วิ่งรออยู่สไลด์ไปที่บอลเพื่อทำประตู แต่สุดท้ายโดนไม่ดีลูกเลยปลิ้นถากเสาออกไปแบบไม่น่าเชื่อ สกอร์ยังอยู่ที่ 1-1

น.66 ทีมเยือนเปลี่ยนตัวที่เดียวสองคนรวด ส่ง เอมานูเอเล่ จั๊คเครินี่ และ โจซี่ อัลติดอร์ ลงสนามแทน อดัม จอห์นสัน กับ คอนเนอร์ วิคแฮม ขณะที่เจ้าถิ่นก็ถอด โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ออกไปแล้วส่ง อังเดร ชูร์เล่ ลงมาแทน

น.72 เวส บราวน์ มารับใบเหลืองเป็นคนที่สองของ ซันเดอร์แลนด์ หลังพุ่งเข้าไปกระแทกดักใส่ เดมบา บา แบบน่าเกลียด

น.74 "สิงห์บลูส์" ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงมาเพิ่มในแนวรุก โดยลงมาแทนที่ของ ซามูเอล เอโต้ ที่ดูจะเงียบๆ ไปในช่วงครึ่งหลัง

น.81 เชลซี โชคร้ายต้องมาเสียลูกจุดโทษ เมื่อ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ไปลื่นตรงข้างสนามจนถูก โจซี่ อัลติดอร์ ฉกบอลไปได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะมาถูก อัซปิลิกวยต้า ตามสไลด์ใส่จนล้ม ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกโทษทันที และเป็น ฟาบิโอ บอรินี่ รับหน้าที่ซัดหนีตัว มาร์ค ชวาร์เซอร์ เข้าไป "แมวดำ" พลิกขึ้นนำ 2-1

ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นพยายามโหมบุกหนักเพื่อหวังตามตีเสมอแต่ทำไม่สำเร็จ หมดเวลา ซันเดอร์แลนด์ บุกมาเอาชนะ เชลซี ไปได้ 2-1 ส่งให้ทีมขยับแต้มเพิ่มเป็น 29 คะแนน แต่รั้งอยู่อันดับสุดท้ายของลีกเหมือนเดิม ส่วนเจ้าถิ่นจากความพ่ายแพ้ทำให้มี 75 คะแนนเท่าเดิม โดยรั้งอยู่อันดับ 2 ของลีก ตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ 2 คะแนนเท่านั้น

โดย โปรแกรมพรีเมียร์ลีก นัดต่อไปของ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะต้องเจอศึกหนักด้วยการออกไปเยือนจ่าฝูงอย่าง "หงส์แดง" ในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน ส่วน "แมวดำ" จะได้กลับไปเล่นในบ้านพบ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ วันเดียวกันต่อไป

รายชื่อผู้เล่น เชลซี (4-2-3-1) :
มาร์ค ชวาร์เซอร์ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า - รามิเรส, เนมันย่า มาติช - โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ (อังเดร ชูร์เล่ น.66), ออสการ์ (เดมบา บา น.59), วิลเลี่ยน - ซามูเอล เอโต้ (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.74)
ผู้เล่นสำรอง
เอ็นริเก้ ฮิลาริโอ้ - ดาวิด หลุยซ์ - แฟร้งค์ แลมพาร์ด - จอห์น โอบี มิเกล

รายชื่อผู้เล่น ซันเดอร์แลนด์ (4-1-4-1) :
วีโต้ มานโนเน่ - ซานติอาโก้ เวอร์จินี่, จอห์น โอเช, เวส บราวน์, มาร์กอส อลอนโซ่ - ลี แค็ทเทอร์มอร์ - อดัม จอห์นสัน (เอมานูเอเล่ จั๊คเครินี่ น.66), เซบาสเตียน ลาร์สสัน, แจ็ค โคลแบ็ค, ฟาบิโอ บอรินี่ - คอนเนอร์ วิคแฮม (โจซี่ อัลติดอร์ น.66)
ผู้เล่นสำรอง
ออสการ์ อุสตารี่ - ออนเดร เซลุสก้า - เอล-ฮัดจิ บา - นาโช่ สค็อกโก้ - ชาราลัมปอส มาวริอาส

ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

สรุป ผลบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

สเปอร์ส 3-1 ฟูแล่ม     
เวสต์แฮม 0-1 คริสตัล พาเลซ   
แอสตัน วิลล่า 0-0 เซาธ์แฮมป์ตัน     
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1-1 สโต๊ค ซิตี้   
นิวคาสเซิ่ล 1-2  สวอนซี     
เชลซี 1-2 ซันเดอร์แลนด์

เครดิต : premierdream.com

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

ผีได้เฮรูนฟิตทันเกมพรีเมียร์ลีกบุกเคี้ยวทอฟฟี่

ผีได้เฮรูนฟิตทันเกมบุกเคี้ยวทอฟฟี่ 

ข่าวพรีเมียร์ลีก : กลับมาได้ถูกจังหวะ! "ผีแดง" ได้ดีใจก่อน รายงานเผย รูนี่ย์ กลับมาลงซ้อมได้เรียบร้อย คาดมีชื่อแน่ใน โปรแกรมพรีเมียร์ลีก เจอกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" หลังต้องฝืนเล่นในช่วงก่อนหน้านี้

สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้รับข่าวดีเมื่อมีรายงานว่า เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวความหวังของทีม สามารถสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาฟิตพร้อมช่วยทีมได้แล้ว โดยคาดว่าน่าจะมีชื่อในทัพ "ปีศาจแดง" ชุดบุกเยือน กูดิสัน พาร์ค เล่นเกม พรีเมียร์ลีก กับ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ 20 เมษายนนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ สตาร์ "ปีศาจแดง" ได้รับมาเจ็บมาตั้งแต่ก่อนจะเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ก็ยังฝืนเล่นช่วยทีมในเกมเจอกับ "เสือใต้" แต่ก็ทำผลงานไม่ได้ดีเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากยังไม่หายเป็นปกติ 100% แต่ล่าสุดรายงานระบุว่า รูนี่ย์ พร้อมลงเล่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีรายงานว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษฟิตพร้อมแล้ว แต่คาดว่า เดวิด มอยส์ กุนซือของทีมอาจไม่เสี่ยงเจ้าตัวลงสนามเป็น 11 ตัวจริงก็เป็นได้ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เจ้าตัวเจ็บซ้ำได้ ขณะที่หัวหอกอีกรายอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ไม่พร้อมและยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ




ติดตาม ข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

รีวิว ! โค้งสุดท้ายจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เช็กบิลหงส์ล่องเรือ

เช็กบิลหงส์ล่องเรือ...?

ข่าวพรีเมียร์ลีก : โค้งสุดท้ายจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก หลังเกมหงส์แดง บุกเฉือน เรือใบสีฟ้า

3 แต้มในถิ่นแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล ยังคงไม่ใช่บทสรุปที่สมบูรณ์แต่ละนัดที่เหลืออยู่มีโอกาสพลิกสถานการณ์จ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ไปอีกรูปแบบหนึ่งได้ อย่างไรก็ตามทีนี่คือประเด็นที่ชัดเจนของหงส์แดงกับการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆโดยไม่ต้องตั้งกองแช่งขึ้นมาคอยภาวนาให้คู่แข่งพลาด
รับมือความกดดัน...
แม้ว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังไม่พูดถึงแชมป์ให้กระดากปาก แต่อาการดีใจสวมกอด ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คงบ่งบอกถึงความรู้สึกได้ว่าความคาดหวังอยู่ตรงไหน
นักเตะหงส์แดงเล่นเป็นพระเอกในครึ่งแรก โชว์ฟอร์มเทพประหนึ่งว่าเรือใบสีฟ้าคือทีมธรรมดาๆทีมหนึ่ง บ่งบอกให้เห็นถึงสถานการณ์ของจ่าฝูงว่าไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย
สิ่งที่พิสูจน์คุณค่าที่คู่ควรจริงๆกลับอยู่ในครึ่งหลังของเกม เพราะเรือใบต้องโหมและเอาคืนให้ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามเส้นทางที่ มานูเอล เปเญกรีนี่ และลูกทีมต้องการ
เป็นช่วงเวลาที่หลายคนมองในมุมเดียวกันว่าปัจจัยอย่างหนึ่งของหงส์แดงกับการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก โค้งสุดท้ายก็คือ การรับมือความกดดัน เพราะลิเวอร์พูลไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านแต่ละนาทีไปได้ อาการแกว่งไปแกว่งมาของเกมรับลิเวอร์พูลเมื่อถูกกดดันหนักๆออกอาการเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นกลับพลิกผันและผ่านไปได้ด้วยสปิริต ด้วยความมุ่งมั่นที่มีมากกว่าเรือใบ นักเตะหงส์แดงมุ่งมั่นในชัยชนะมากกว่าชัดเจน เอาสปิริตตรงนั้นมารับมือความกดดันที่เกิดขึ้น
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง...
รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษไม่พลาดกับเกมใหญ่แบบนี้เพื่อเช็กชื่อเช็กฟอร์มนักเตะในกลุ่มเป้าหมายที่จะพาไปลุยฟุตบอลโลกที่บราซิล
ร็อดเจอร์ส ส่งนักเตะอังกฤษลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อให้ รอย ออดจ์สัน ชมผลงานได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,เกล็น จอห์นสัน,แดเนียล สเตอร์ริดจ์และราฮีม สเตอร์ลิ่ง
โดยเฉพาะ สเตอร์ลิ่ง ที่เล่นเป็นตัวกลางในบทบาทที่ ฮอดจ์สัน ต้องเก็บไปขบคิดและเก็บไว้เป็นอีกออปชั่นในแผนการเล่นของทีมชาติอังกฤษ จะหอบหิ้วไปด้วยหรือไม่คงผ่านจุดนั้นไปแล้ว น่าจะคิดมากกว่าว่าตัวจริงหรือสำรอง
หลุยส์ ซัวเรซ...
ทุ่มเทเกินร้อยเสมอ นั่นคือภาพทุกสัปดาห์ที่เห็น หลุยส์ ซัวเรซ ลงสนามให้กีบลิเวอร์พูล เป็นตัวที่กดดันเกมรับคู่แข่งได้ตลอดเวลา
ไม่มีสกอร์จากซัวเรซ ในเกมเฉือนชนะเรือใบที่แอนฟิลด์ แต่ความทุ่มเทยังคงเกินร้อนเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลและ หลุยส์ ซัวเรซ อยู่ในจุดที่พูดได้ว่าโชคดีไม่น้อยที่สามารถอยู่ในสนามได้ตลอดทั้งเกม
การเข้าเสียบช้าใส่ มาร์ติน เดมิเคลิส เป็นเหลืองแรก จากนั้นมีการทิ้งตัวเพื่อเรียกฟรีคิกซึ่งชัดเจนว่าน่าจะโดนเหลืองที่ 2 นักเตะเรือใบกรูเข้าใส่ มาร์ค คลัทเทนเบิร์ก เพื่อกดดันให้ชักอีกเหลืองออกมา
โชคดีที่พี่มาร์คเฉยและนิ่งทำให้ ซัวเรซ ได้อยู่ในสนามต่อไปจนจบเกม ลิเวอร์พูลโชคดีกรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ แต่โชคร้ายในเหตุการณ์ของ จอร์แดน ฮนเดอร์สัน และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์
เฮนเดอรฺสัน มิดฟิลด์พลังเทอร์โบของหงส์แดง โดนตะเพิดออกจากสนามในช่วงทดเจ็บ ซึ่งเป็นจังหวะเปิดปุ่มสองเท้าเข้าสกัดคู่แข่ง เป็นการสูญเสียที่สำคัญที่เสียตัวไล่ในแดนกลางกับเกมที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ยังมี แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ต้องมีการลุ้นกันหน่อยว่าอาการบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน ทั้ง 2 คนเป็นกองกำลังหลักของทีมในฤดูกาลนี้ ดันมาขาดหายไปในช่วงสำคัญน่าเสียดายแย่เลย
สตีเว่น เจอร์ราร์ด...
ถึงกับน้ำตาร่วงหลังจบเกม นั่นเพราะทุ่มเทและเต็มที่กับเกมนี้มากเป็นพิเศษ ทำให้การลุ้นแชมป์          พรีเมียร์ลีก ยังคงไปได้สวยเหมือนเดิม เรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การชื่นชมก็คือหลายนัดที่ผ่านมากัปตันทีมหงส์แดงต้องเล่นในสถานการณ์ที่โดนใบเหลืองไม่ได้จะโดนกักตัวทันที 2 นัด
ผ่านมาได้แบบตลอดรอดฝั่งด้วยประสบการณ์และวิธีการเล่นที่ ร็อดเจอร์ส วางไว้ให้ นาทีนี้โล่งใจไปเรียบร้อยแล้ว เพราะหลังจากนี้ใบเหลืองไม่มีผลกับการโดนกักตัวในเกมที่เหลืออยู่
แว็งซองต์ กอมปานี...
กัปตันทีมเรือใบคือหัวใจในแนวรับ เป็นนักเตะคนสุดท้ายที่จะไปคาดเกาว่าจะสร้างความผิดพลาดให้เกิดขึ้นในแนวป้องกัน
ทว่าเมื่อเกิดขึ้นและเป็นจังหวะที่โดน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ลงโทษทันทีเป็นประตูชัยของลิเวอร์พูล ก่อนหน้านั้นความผิดพลาดของ กอมปานี เกิดขึ้นแล้ว จากประตูที่ 2 ที่เรือใบเสียให้หงส์แดง กอมปานี ประกบ มาร์ติน สเคอร์เทล ในจังหวะเตะมุม แต่ดันไม่ตามให้ตลอดปล่อยให้ สเคอร์เทล โหม่งพังประตูได้
ความผิดพลาดในนัดนี้ของ กอมปานี อาจจะต้องชดใช้ด้วยการพลาดแชมป์ก็เป็นไปได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงถือว่าเป็นการชดใช้ด้วยมูลค่าที่สูงลิ่ว
เจมส์ มิลเนอร์...
เกมหนักๆและมีความหมายขนาดนี้ หลายคนงงๆเหมือนกันที่ เปเญกรีนี่ สตาร์ตด้วยการส่ง นาบาส เป็นตัวจริง อย่างไรก็ตมเมื่อมีโอกาสลงสนามในครึ่งหลัง มิลเนอร์ คือตัวเปลี่ยนเกมของเรือใบที่ชัดเจนมากคนหนึ่ง
สามารถสร้างความวุ่นวายในแนวรับฝั่งซ้ายของหงส์แดงเป็นกอบเป็นกำ สร้างความสมดุลในเกมรุกกับ ดาวิด วิลบาและซามีร์ นาสรี่ ได้สุดๆ
ดามัน

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

ผีโละแน่10แข้งกากพ้นทีม! หลังอันดับใน พรีเมียร์ลีก ห่วยสุดในรอบหลายปี

ดีใจ หรือ เสียใจ ผีโละแน่10แข้งกากพ้นทีม

ข่าวพรีเมียร์ลีก : ทีม"ปีศาจแดง" ภายใต้การคุมทัพของ เดวิด มอยส์ กางโผ 10 แข้งที่จะไม่อยู่ในแผนทำทีมซีซั่นหน้าเรียบร้อยแล้ว

หลังจากเพิ่งโดนบาเยิร์น มิวนิค เขี่ยกระเด็นตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เดวิด มอยส์ นายใหญ่ของทีมผีแดงสโมสรดังใน พรีเมียร์ลีก เตรียมผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมาย หั่นแข้งดังถึง 10 คน ออกจากทีมหลังอันดับ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก บู่
ซึ่งในรายชื่อดังกล่าว มีชื่อของ ชินจิ คากาวะ ดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่นติดมาด้วย ขณะเดียวกันก็ไม่พลาดที่จะมีรายชื่อของ แอชลี่ย์ ยัง และ หลุยส์ นานี่ สองปีกที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง
นอกจากนี้ในรายงานข่าว จากเดลี่ย์เมล์ ยังระบุด้วยว่า ถ้าแมนฯ ยูไนเต็ด สามารถจัดการปล่อยตัวแข้งเหล่านี้ออกจากทีม น่าจะได้ค่าตัวเพื่อนำไปใช้ซื้อนักเตะรายใหม่เข้าสู่ทีม ซึ่งเป้าหมายแรกของทีม คือการคว้าตัว โทนี่ โครส มิดฟิล์ดเท้าช่างทองของทีมบาเยิร์น มิวนิค นั่นเอง
โดยรายชื่อ 10 แข้งดังกล่าว ประกอบไปด้วย
- เนมานย่า วิดิช (ประกาศแยกทางไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน)
- อันแดร์สัน
- หลุยส์ นานี่
- ไรอัน กิ๊กส์
- ริโอ เฟอร์ดินานด์
- แอชลี่ย์ ยัง
- อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์
- ปาทริซ เอฟร่า
- ชินจิ คากาวะ
- ทอม เคลฟเวอร์ลีย์



ติดตาม ข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
ได้ที่ : http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557

ทีมจากพรีเมียร์ลีกตกรอบ! ผีบุกพ่ายเสือใต้ 3-1 ตกรอบชปล.

สู้ไม่ไหว! ผีบุกพ่ายเสือใต้3-1ตกรอบชปล.+คลิป
สู้ไม่ไหว! ผีแดงทีมจากพรีเมียร์ลีกบุกพ่ายเสือใต้3-1ตกรอบชปล.
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง)

วันพุธที่ 9 เมษายน 2557

บาเยิร์น มิวนิค  3 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก)
(รวมผลสองนัด บาเยิร์น ชนะ 4-2)

สนาม : อัลลิอันซ์ อารีน่า

ผู้ตัดสิน : โยนาส เอริคส์สัน (สวีเดน)
ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2013-2014 (นัดที่2) โดยเป็นเกมที่สนามอัลลิอันซ์ อารีน่า ระหว่างทีม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ดทีมอันดับ 6จากตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ซึ่งผลนัดแรก บาเยิร์น บุกไปเสมอ แมนฯ ยู ออกมาได้ 1-1

เริ่มเกมครึ่งแรก

น.8 ทีมเยือน แมนฯยูฯ มีโอกาสลุ้นก่อน จาก เวย์น รูนี่ย์ มีจังหวะซัดในกรอบโทษกลางประตู แต่ไปติดบล็อค ดันเต้

น.14 เป็นโอกาสของ เจ้าบ้าน บาเยิร์น บ้าง จากลูกยิงด้วยซ้ายของ ร็อบเบน ในเขตโทษด้านขวา แต่บอลโค้งไม่พอหลุดเสาสองออกไป

น.16 ร็อบเบน มีจังหวะซัดนอกกรอบอีกครั้ง แต่ยิงเหินบอลข้ามคานออกไปเยอะ

น.17 แฟน "ปีศาจแดง" ได้เฮกันเกอร์ เมื่อ  เวย์น รูนี่ย์ โยนบอลจากทางซ้ายให้ วาเลนเซีย กระโดดดีดบอลเข้าประตูไปได้แล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

น.27 บาเยิร์น มิวนิค มีลุ้นจาก ฟร้องค์ ริเบรี่ จากลูกส่องไกลนอกกรอบด้วยขวา แต่บอลไม่ตรงกรอบออกหลังไป
น.37 อาร์เยน ร็อบเบน ลากบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนไหลบอลให้ โทนี่ โครส กลางประตู แต่กดไม่ลงบอลเหินข้ามคานออกไป

น.43 ทีมเยือน แมนฯยูฯ มาเสียบอลกลางสนาม ก่อนบอลมาถึง อาร์เยน ร็อบเบน ลากบอลเข้าเขตโทษก่อนหาจังหวะซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งตรงกรอบ แต่ยังดีที่ไปแฉลบ คริส สมอลลิ่ง ออกหลังไป ทำให้ แมนฯยู ยังไม่เสียประตูและจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
คลิกชมภาพต่อไป

เริ่มเกมครึ่งหลัง

น.53 บาเยิร์น มิวนิค มีจังหวะลุ้น เมื่อ ริเบรี่ เปิดบอลจากซ้ายข้ามฝั่งมาถึง มานด์ซูคิช เอี้ยวตัววอลเลย์ด้วยซ้ายในกรอบโทษ แต่ไปติดบล็อค ฟิล โจนส์ อย่างจัง

น.55 ชินจิ คากาวะ มีโอกาสลองส่องนอกกรอบ แต่บอลพุ่งตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ รับเข้าซอง

และน.58 ทีมเยือน  แมนฯยูฯ มาได้ประตูออกนำ1-0 เมื่อ อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปิดจากริมเส้นหลังฝั่งขวา ย้อนมาถึง ปาทริซ เอวร่า วิ่งมาซัดด้วยซ้ายบริเวณเส้นกรอบโทษซ้ายบอลพุ่งเช็ดคานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม

แต่ 2 นาที ถัดมา เจ้าบ้าน “เสือใต้” มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว จาก ฟร้องค์ ริเบรี่ โยนบอลจากซ้ายให้ มานด์ซูคิช โหม่งสะบัดเสียบโค่นเสาเข้าไป ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค เสมอกับ แมนฯยูฯ เป็น 1-1
คลิกชมภาพต่อไป
น.67 เจ้าบ้าน บาเยิร์น มิวนิค พลิกขึ้นนำเป็น 2-1จนได้ เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน พาบอลเข้าเขตโทษด้านขวา ก่อนเปิดเข้าไปหน้าประตูถึง โธมัส มุลเลอร์ เข้าชาร์จจ่อๆไม่เหลือ
และน.75 ทัพ"เสือใต้" ขยับห่างเป็น 3-1 จากความสามารถเฉพาะตัวของ อาร์เยน ร็อบเบน ที่ลากบอลจากด้านขวามาถึงฝั่งซ้ายในกรอบโทษ ก่อนซัดบอลแฉลบ เนมานย่า วิดิช กลิ้งเปลี่ยนทางเข้าประตูไป
น.83 ไมเคิ่ล คาร์ริค มีโอกาสซัดด้วยขวานอกกรอบ แต่บอลพุ่งข้ามคานออกไป
น.87 เจ้าบ้าน บาเยิร์น เกือบได้ประตูอีก จากจังหวะจิ่มบอลหน้าประตูของ ปิซารโร่ แต่ ดาบิด เดเกีย ยังรับใว้ได้ติดมือ
ช่วงทดเวลาที่เหลือ ทีมเยือน แมนฯยูฯ ไม่สามารถทวงประตูคืนได้ ทำให้จบเกม บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านเอาชนะ แมนฯยูฯ ไปได้ 3-1 รวมผลสองนัด บาเยิร์น ผ่านเข้ารอบ4ทีมสุดท้ายด้วยประตูรวม 4-2
คลิกชมภาพต่อไป
     
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม

บาเยิร์น มิวนิค (ระบบ 4-1-4-1) : มานูเอล นอยเออร์ : ฟิลิปป์ ลาห์ม, เจอร์โรม บัวเต็ง, ดันเต้ บอนฟิม, ดาวิด อลาบา : โทนี่ โครส – อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, มาริโอ เกิทเซ่, ฟร้องค์ ริเบรี่ : มาริโอ มานด์ซูคิช

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ระบบ 4-2-3-1) : ดาบิด เดเกีย : ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า : ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, ไมเคิ่ล คาร์ริค – อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ชินจิ คากาวะ, แดนนี่ เวลเบ็ค : เวย์น รูนี่ย์
คลิกชมภาพต่อไป



ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

สิงห์โตน้ำเงินผงาด! บาฮีโร่ตะปบปารีส2-0คว้าอเวย์โกลลิ่วตัดเชือกชปล.(+คลิป)

บาฮีโร่!สิงห์ตะปบปารีส2-0คว้าอเวย์โกลลิ่วตัดเชือกชปล.(+คลิป)


: "สิงห์บลูส์" หนี่งในสองทีมจากพรีเมียร์ลีก พลิกนรกจากที่แพ้มาก่อนนัดแรก 1-3 แต่สามารถเอาคืนด้วยการเอาชนะ "เปแอสเช" ไปได้ 2-0 โดยได้ เดมบา บา ยิงลูกที่ 2 ท้ายเกม นำทีมผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกด้วยกฎอเวย์โกล หลัง 2 นัดเสมอ 3-3 ในศึก "ยูซีแอล" รอบก่อนรองฯ นัดที่ 2 เมื่อ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย เลกที่ 2 แข่งขันคืนวันอังคารที่ 8 เมษายน 2557 เป็นการพบกันระหว่าง "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมยักษ์ใหญ่จากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของ "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมหาเศรษฐีจาก ลีกเอิง ฝรั่งเศส โดยการแข่งขันเกมแรกที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ทีมจากแดนน้ำหอมคว้าชัยมาได้ก่อน 3-1

เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 9 เชลซี ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะที่ ออสการ์ ลุยบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ เอโต้ แต่งยิงด้วยขวา บอลแฉลบกองหลัง ปารีส ข้ามคาน

น.18 เชลซี งานลำบากขึ้น เมื่อ เอแด็น อาซาร์ แนวรุกตัวเก่งของทีม มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง อังเดร เชือร์เล่ ลงสนามแทน

น.28 เชลซี ได้โอกาสลุ้นอีกครั้ง เมื่อมาได้ฟรีคิกทางมุมเขตโทษฝั่งซ้าย แลมพาร์ด กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ากลาง บอลไปแฉลบกำแพง บอลมุดเกือบเสียบเสาแรก แต่ ซิริกู พุ่งปัดทิ้งไปได้หวุดหวิด

น.32 สาวก "สิงห์บลูส์" เฮลั่นสนาม เมื่อ เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ อิวาโนวิช ทุ่มไกลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ ดาวิด ลุยซ์ โหม่งเสยต่อให้ อังเดร เชือร์เล่ แปเสียบมุมเข้าไป

หมดครึ่งแรก เชลซี นำ ปารีส อยู่ 1-0

ครึ่งหลัง เริ่มเกมมายังเป็น เชลซี ที่บุกเข้าใส่ มีโอกาสได้ประตูเพิ่มนาที 52 วิลเลี่ยน หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนไหลคืนหลังให้ อังเดร เชือร์เล่ วิ่งมากดด้วยขวา บอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง

น.54 โอกาสเป็นของ เชลซี อีกครั้ง เมื่อมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องทางฝั่งซ้าย ออสการ์ ปั่นด้วยขวาข้ามกำแพง บอลลอยไปชนคานอย่างน่าเสียดาย

น.55 ปารีส เกมตกเป็นรอง ปรับหมากด้วยการส่ง โยฮัน กาบาย ลงมาคุมแดนกลางแทน มาร์โก แวร์รัตติ

น.66 เชลซี เสริมเกมรุกด้วยการส่ง เดมบา บา ลงสนามแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด

น.77 ปารีส มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ โยฮัน กาบาย วางบอลยาวจากกลางสนามให้ เอดินสัน คาวานี่ ดูดบอลลงอย่างนิ่มนวล ก่อนแปด้วยซ้ายเน้นๆ บอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

น.81 เชลซี ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงสนามแทนที่ ออสการ์

น.87 ความพยายามของพรลพรรค "สิงโตน้ำเงินคราม" มาประสบผล เมื่อมาได้ประตูขึ้นนำ 2-0 สมใจ จากจังหวะที่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ได้ยิงจากหน้าเขตโทษโดนเหลี่ยมไม่ดี บอลไหลมาหน้าปากประตู เดมบา บา ตามเข้าชาร์จจ่อๆ ผ่านมือ ซิริกู เข้าไป

จบเกม 90 นาที เชลซี เอาชนะ ปารีส ไปได้ 2-0 ทำให้รวมผล 2 นัด เสมอกันไปด้วยสกอร์ 3-3 แต่ทัพ "สิงห์บลูส์" ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตามกฎยิงประตูทีมเยือน

รายชื่อผู้เล่น เชลซี
ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า - ดาวิด ลุยซ์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด (เดมบา บา น.66) - วิลเลี่ยน, ออสการ์ (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.81), เอแด็น อาซาร์ (อังเดร เชือร์เล่ น.18) - ซามูเอล เอโต้
สำรองไม่ได้ใช้
มาร์ค ชวาร์เซอร์ - โทมัส คาลาส, แอชลี่ย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล

รายชื่อผู้เล่น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ซัลวาตอเร่ ซิริกู - คริสตอฟ ฌัลเล่ต์, อเล็กซ์, ติอาโก้ ซิลวา, แม็กเวลล์ - มาร์โก แวร์รัตติ (โยฮัน กาบาย น.55), ติอาโก้ ม็อตต้า, แบลส มาตุยดี้ - ลูคัส มูร่า (มาร์ควินญอส น.85), เอดินสัน คาวานี่, เอเซเกล ลาเวซซี่ (ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ น.73)
สำรองไม่ได้ใช้
นิโกล่าส์ ดูเชซ - ลูคัส ดีญ, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, เฌเรมี่ เมเนซ

ผู้ตัดสิน : เปโดร โปรเอนซ่า (โปรตุเกส)
คลิป chelsea vs psg 2-0 2014 Goals & Highlights



ผลการแข่งขันอีก 1 คู่
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน) 2-0 เรอัล มาดริด (สเปน) (รวมผล 2 นัด มาดริด ชนะ 3-2)

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

เวนเกอร์รับปืนลุ้นท็อปโฟร์พรีเมียร์ลีกยาก หลังบุกไปฝ่ายทอปฟี่ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา

เวนเกอร์รับปืนลุ้นท็อปโฟร์ยาก

เวนเกอร์ น้อบรับความพ่ายแพ้ต่อทัพ ''ทอฟฟี่บลูส์'' หลังบุกพ่ายยับในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ เชื่อปีนี้ลุ้นท็อปโฟร์ยังยาก แต่มุ่งมั่นเรียกฟอร์มเก่งลูกทีมกลับมาให้ได้


อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเลือดน้ำหอมของ อาร์เซน่อล บิ๊กทีมของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับการลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์ของ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป หลังพาทัพ "ปืนใหญ่" บุกพ่าย "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ยับเยิน 0-3 ในเกมลีกเมื่อคืนวันอาทิตย์ (7 เม.ย.) ที่ผ่านมา

เทรนเนอร์เฟร้นช์แมนของทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" กล่าวหลังจบเกมพ่ายทัพ "ทอฟฟี่เมน" ว่า "ผมยังมุ่งมั่นกับการคว้าอันดับท็อปโฟร์ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันคงจะไม่ง่ายแล้ว เรายังมีโปรแกรมพรีเมียร์ลีกที่พอจะลุ้นได้ แต่เราต้องมุ่งมั่นที่จะเร่งคุณภาพของฟอร์มการเล่นก่อน เราฝันถึงอันดับ เราต้องกลับไปเล่นให้ดีกว่านี้ การต่อสู้ยังคงมีต่อไป แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราทั้งหมด เพราะ เอฟเวอร์ตัน นั้นได้เปรียบกว่าเรา เราเคยได้เปรียบกว่า และนี่คือผลของฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวัง"

เวนเกอร์ กล่าวต่ออีกว่า "ฟอร์มการเล่นเราไม่ดีไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือเกมบุก เอฟเวอร์ตัน เล่นดีกว่าเรา และสมควรชนะจริง มันเป็นผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังมาก วันนี้เราตามหลัง 0-1 เร็วมาก และผมยังรู้สึกว่าเราครองบอลมากกว่า เอฟเวอร์ตัน ป้องกันได้ดี และเวลานี้เราเองก็ขาดความมั่นใจ ทำให้เกมบุกของเราลดความน่ากลัวลงไป ผมอยากบอกว่าการพ่ายในเกมเยือนหลายๆครั้ง กระทบกับฟอร์มการเล่นของเรา"

ทั้งนี้ความพ่ายแพ้ของพลพรรค "ปืนใหญ่" ทำให้อาจชวดคว้าสิทธิ์ลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า เพราะแม้จะรั้งอันดับ 4 ของตาราง แต่มีแต้มมากกว่า เอฟเวอร์ตัน ในอันดับ 5 เพียงแค่คะแนนเดียว และแข่งมากกว่า1 นัด


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

เลสเตอร์ซิตี้เฮ ขึ้นชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในรอบ10ปี !

เลสเตอร์เฮ ขึ้นชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในรอบ10ปี
ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่! "เลสเตอร์" การันตีตั๋ว เลื่อนชั้นเรียบร้อยแล้ว ภายหลังคู่แข่งอย่าง "คิวพีอาร์" และ "ดาร์บี้" นัดกันพ่าย คืนลีกสูงสุดในรอบ 10 ปี
สาวก เลสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงแห่งศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ได้ฮาเฮกันยกใหญ่ หลังได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้าเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ล้วนประสบความพ่ายแพ้พร้อมๆกัน ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา
"เลสเตอร์" ซึ่งมีนายวิชัย ศรีวัฒนประภา นักธุรกิจคนดังชาวไทยเป็นประธานสโมสรนั้น ลงเตะไปตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และโชว์ฟอร์มสุดยอดเปิดรัง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เอาชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 2-1 สะสมเพิ่มเป็น 89 แต้ม จากการลงเล่น 40 นัด ครองตำแหน่งจ่าฝูง ทิ้งห่างอันดับที่ 3 และ 4 ห่างเป็น 19 และ 20 แต้มตามลำดับ ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 6 เกม ทำให้คะแนนขาดแล้ว
ทันทีที่รู้ผลการแข่งขันของทีมคู่แข่ง บรรดานักเตะ "เลสเตอร์" ซึ่งจับกลุ่มชมเกมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ถึงกับดีใจสุดขีด พร้อมกับถ่ายคลิปวีดีโอของพวกเขาเอง และโพสต์ข้อความลง "ทวิตเตอร์" และ "อินสตาแกรม" เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังว่าพวกเขาดีใจกันขนาดไหนหลังพาทัพ "สุนัขจิ้งจอก" ขึ้นชั้นสู่ลีกสูงสุดในรอบ 10 ปี



วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557

นักเตะแมนยู ทีมจากพรีเมียร์ลีกวิ่งเร็วที่สุด !!

ไม่น่าเชื่อ! สื่อผู้ดีจัดอันดับวาเลนเซียวิ่งเร็วสุด

ข่าวพรีเมียร์ลีก : นักเตะแมนยู ทีมจาก พรีเมียร์ลีก วิ่งเร็วที่สุด !!


ทอล์คสปอร์ต สื่อกีฬาของประเทศอังกฤษ ทำการจัด 10 อันดับนักฟุตบอลที่วิ่งเร็วที่สุด โดยผลปรากฎว่า อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกจอมกระชากแล้วเปิดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมจากพรีเมียร์ลีกเป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดด้วยความเร็ว 35.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


เร็วกว่าทั้ง แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด) อารอน เลนน่อน (สเปอร์ส), ธีโอ ว็อลค็อตต์ (อาร์เซน่อล) ลิโอเนล เมสซี่, อเล็กซิส ซานเชส (บาร์เซโลน่า) เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด) ฟร้องค์ ริเบรี่, อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์นฯ)

10 อันดับนักฟุตบอลที่วิ่งเร็วที่สุด
1. อันโตนิโอ วาเลนเซีย (แมนฯ ยูไนเต็ด 35.1 กม./ชม.
2. แกเร็ธ เบล (เรอัล มาดริด) 34.7 กม./ชม.
3. อารอน เลนน่อน (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์) 33.8 กม./ชม.
4. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด) 33.6 กม./ชม.
5. ธีโอ ว็อลค็อตต์ (อาร์เซน่อล) 32.7 กม.ชม.
6. ลิโอเนล เมวซี่ (บาร์เซโลน่า) 32.5 กม.ชม.
7. เวย์น รูนี่ย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด) 31.2 กม./ชม.
8. ฟร้องค์ ริเบรี่ (บาเยิร์นฯ) 30.7 กม.ชม.
9. อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์นฯ) 30.4 กม./ชม.
10 อเล็กซิส ซานเชส (บาร์เซโลน่า) 30.1 กม./ชม

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

ปารีสเปิดรังเชือดสิงห์ดับ 3-1

ปาสตอเร่ซัดท้ายPSGเปิดรังเชือดสิงห์3:1
ปาสตอเร่ซัดท้ายPSGเปิดรังเชือดสิงห์3:1
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 
รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดเเรก
วันพุธที่ 2 เมษายน 2557
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ลีกเอิง) 3 : 1 เชลซี (พรีเมียร์ลีก)
สนาม : ปาร์ค เดส์ แพร็งซ์
ผู้ตัดสิน : มิโลร้าด มาซิช (เซอร์เบีย)
เวลาเตะ : 01:45 น.




เริ่มเกม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เจ้าถิ่นได้เขี่ยลูกเริ่มเล่นโดยจะบุกจากซ้ายไปขวา
นาทีที่ 4 ปารีส แซงต์ แชร์กแมงได้ประตูออกนำ เชลซี ก่อน 1:0 แบลส มาตุยดี้เปิดบอลจากด้านฝั่งซ้าย จอห์น เทอร์รี่โหม่งสกัดมาเข้าทางเอเซเกล ลาเวซซี่ยิงบอลเสียบใต้คานเข้าไปตุงตาข่าย
นาทีที่ 18 ดาวิด หลุยส์ได้โอกาสยิงไกลจากเเถวสอง บอลไปตรงซัลวาตอเร่ ซิริกูล้มตัวรับไว้ได้
นาทีที่ 24 ซลาตัน อิบราฮิโมวิชจ่ายบอลทะลุช่องให้กับเอเซเกล ลาเวซซี่หลุดขึ้นไปด้านฝั่งซ้าย ก่อนจะยิงออกนอกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 27 ออสการ์ถูกติอาโก้ ซิลวาสกัดล้มลงในเขตโทษ มิโลร้าด มาซิชผู้ตัดสินของเกมเป่าให้เป็นจุดโทษ เเละจังหวะสุดท้ายเอแด็น ฮาซาร์ดรับหน้าที่สังหารเข้าไป เชลซี ตามตีเสมอ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 1:1
นาทีที่ 39 วิลเลี่ยนโยนบอลมาให้กับเอแด็น ฮาซาร์ดได้วอลเลย์ด้านฝั่งซ้าย บอลพุ่งชนเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 51 แบลส มาตุยดี้เปิดบอลจากด้านริมเส้นฝั่งซ้าย มาให้กับเอเซเกล ลาเวซซี่ได้โหม่งบอลโด่งข้ามคานออกไป
นาทีที่ 62 เอเซเกล ลาเวซซี่เปิดลูกฟรีคิกด้านฝั่งซ้าย เเละเป็นความโชคร้ายของดาวิด หลุยส์ที่สกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูไป ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ขึ้นนำ เชลซี 2:1
นาทีที่ 79 โยฮัน กาบายได้ลองยิงไกลจากเเถวสอง บอลโโ่งข้ามคานออกไป
นาทีที่ 89 ลูคัส มูร่าเปิดลูกเตะมุมฝั่งซ้าย ให้กับ ติอาโก้ ม็อตต้าได้โหม่งบอลหลุดเสาสองออกไป
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง หนีห่าง เชลซี 3:1 จากความสามารถเฉพาะตัวของฮาเวียร์ ปาสตอเร่ที่ลากบอลหลบขึ้นมาด้านฝั่งขวาก่อนจะยิงบอลยัดเสาเเรกเข้าไปตุงตาข่าย
ผู้เล่นที่ลงสนาม
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ระบบ 4-3-3 :
ผู้รักษาประตู : ซัลวาตอเร่ ซิริกู
กองหลัง : คริสตอฟ ชัลเล่ต์,อเล็กซ์ คอสต้า,ติอาโก้ ซิลวา,แม็กซ์เวลล์,
กองกลาง : มาร์โก้ แวร์รัตติ(โยฮัน กาบาย น.76),ติอาโก้ ม็อตต้า,แบลส มาตุยดี้
กองหน้า : เอดินสัน คาวานี่,ซลาตัน อิบราฮิโมวิช(ลูคัส มูร่า น.68), เอเซเกล ลาเวซซี่(ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ น.85)
เชลซี ระบบ 4-2-3-1 :
ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก
กองหลัง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,แกรี่ เคฮิลล์,จอห์น เทอร์รี่,เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
กองกลาง : รามิเรส,ดาวิด หลุยส์ - วิลเลี่ยน,ออสการ์(แฟรงก์ แลมพาร์ด น.72),เอแด็น ฮาซาร์ด
กองหน้า : อังเดร ชูร์เล่(เฟอร์นันโด ตอร์เรส น.59)

ผลคู่อื่น : เรอัล มาดริด - ดอร์ทมุนด์ 3-0

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557

ผีโดนเสือใต้บุกเจ๊า! ต้องลุ้นนัดสองนอกบ้าน

ต้านไม่อยู่! ผีโดนเสือใต้บุกเจ๊าต้องลุ้นนัดสอง
ต้านไม่อยู่! ผีโดนเสือใต้บุกเจ๊าต้องลุ้นนัดสอง

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

(รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก)

วันอังคารที่ 1 เมษายน 2557

แมนฯ ยูไนเต็ด 1 - 1 บาเยิร์น มิวนิค

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ผู้ตัดสิน : การ์ลอส เบลาสโก้ การ์บาโย่
ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2013-14 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก) โดยคู่เอก เป็นเกมที่สนามโอลด์แทร็ฟ ฟอร์ด ระหว่างทีม "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมจากพรีเมียร์ลีกจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค แชมป์เก่าแห่งลีกบุนเดสลีกา เยอรมัน



คลิกชมภาพต่อไป
เริ่มเกมครึ่งแรก
มาถึงนาทีที่ 3 แฟนเจ้าบ้าน แมนฯ ยู ได้เฮกันเกอร์ เมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค ส่งลูกเข้าไปตุงตาข่าย บาเยิร์น มิวนิค แต่ผู้ตัดสินเปาเป็นลูกฟาล์วไปก่อนแล้ว เนื่องจาก เวลเบ็ค ยกขาสูงใส่ ฆาบี มาร์ติเนซ
น.11ทีมเยือน บาเยิร์น ได้ลุ้นจาก  ฟรองก์ ริเบรี่ ตักบอลจากริมเส้นหลังด้านขวามาหน้าประตูถึง โธมัส มุลเลอร์แต่เกี่ยวบอลไม่อยู่ ก่อน ฟิล โจนส์ จะเคลียร์ออกไปได้อย่างหวุดหวิด

มาถึง น.18 "เสือใต้" ยังครองบอลมากกว่าและมีจังหวะ ลองซัดไกลนอกกรอบของ ฟรองก์ ริเบรี่ แต่บอลไม่ตรงกรอบ
น.24 ทีมเยือน บาเยิร์น มีลุ้น เมื่อ ฟรองก์ ริเบรี่ จ่ายบอลให้  ดาวิด อลาบา ที่วิ่งเติมขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งผ่านหน้าประตูออกข้างไป
น.30 บาเยิร์น มิวนิค มีลุ้นใกล้เคียงสุดๆ จากลูกปั่นด้วยซ้ายบริเวณหัวกะโหลกของ อาร์เยน ร็อบเบน แต่ ดาบิด เด เคอา ยังไวพุ่งปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

น.32 เป็นทาง เจ้าบ้าน แมนฯ ยู ได้ลุ้นบ้าง จากลูกยิงด้วยขวานอกกรอบของ  แดนนี่ เวลเบ็ค แต่บอลไปตรงตัว นอยเออร์ รับได้สบาย
น.39 "ปีศาจแดง" น่าจะได้ประตูนำ เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ เปิดบอลให้ เวลเบ็ค ที่เบียดเอาชนะบัวเต็งมาได้ ก่อนหลุดเดียวเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ นอยเออร์ แต่ชิฟบอลไม่ผ่านมือ ทำให้ แมนฯ ยู พลาดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย และจบครึ่งแรก ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเสมอกับ บาเยิร์น มิวนิค อยู่ 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง
ได้ 2 นาที ทีมเยือน "เสือใต้" ได้ทักทายก่อน จากลูกยิงด้วยขวาในเขตโทษของ ชไวน์สไตน์เกอร์ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

น.53 ชไวน์สไตน์เกอร์ ชิ่งคืนให้ ร็อบเบน ได้ซัดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่ไปติดบล็อค ริโอ เฟอร์ดินานด์

และในนาทีที่ 57 เจ้าบ้าน แมนฯ ยู ขึ้นนำก่อน 1-0 จากลูกเตะมุมด้านซ้ายของ
เวย์น รูนี่ย์ มาถึง ฟิล โจนส์ ที่ได้ขึ้นโหม่งคนเดียวโล่งๆ บอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม
น.66  ทีมเยือน มาได้ประตูตีเสมอ จากลูกเปิดด้านขวาของ ราฟินญ่า มาหน้าประตูถึง มานด์ชูคิช  ก่อนโหม่งชงย้อนหลังให้  ชไวน์สไตน์เกอร์ กดด้วยซ้ายบอลเสยตาข่ายเข้าไป ทำให้ บาเยิร์น มิวนิค ตามตีเสมอเป็น 1-1

คลิกชมภาพต่อไป

น.77 บาเยิร์น มิวนิค เกือบได้ประตูนำ จาก อาร์เยน ร็อบเบน ได้ซัดด้วยขวาในกรอบโทษบอลเชียวเสาแรกออกไปนิดเดียว

น.80 "เสือใต้" มีลุ้น เมื่อ อาร์เยน ร็อบเบน แทงทะลุให้ ริเบรี่ วิ่งสอดมาเอาบอลบริเวณฝั่งขวาในกรอบโทษ ก่อนตวัดจ่ายมาหน้าประตู แต่ มานด์ชูคิช วิ่งมาชาร์ตไม่ถึง

คลิกชมภาพต่อไป
น.89 ทีมเยือน บาเยิร์น เหลือ 10 คน เมื่อ บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ เสียบหนักตัดเกมใส่ เวย์น รูนี่ย์ เป็นใบเหลืองที่สองถูกไล่ออกไป
ช่วงทดเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมกันได้ ทำให้จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านนัดแรกเสมอกับ บาเยิร์น มิวนิค ไป 1-1 ต้องไปลุ้นนัดสองที่บ้านบาเยิร์น มิวนิคบ้าง

รายชื่อ11ผู้เล่นแรกที่ลงสนามทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : (ระบบ 4-4-2)
ผู้รักษาประตู : ดาบิด เด เคอา : ฟิล โจนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช(กัปตันทีม), อเล็กซานเดอร์ บุทท์เนอร์ - มารูยาน เฟลไลน์นี่, ไมเคิ่ล คาร์ริค, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไรอัน กิ๊กส์,  - เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค

บาเยิร์น มิวนิค : ระบบ (4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์ : ราฟินญ่า, ฆาบี มาร์ติเนซ, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา - ฟิลิปป์ ลาห์ม(กัปตันทีม),บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ - อาร์เยน ร็อบเบน, โทนี่ โครส, ฟรองก์ ริเบรี่ - โธมัส มุลเลอร์

ผลบอลคู่อื่น :   บาร์เซโลน่า     1 - 1  แอต.มาดริด


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557

ดาวยิง พรีเมียร์ลีก !ซัวเรซค่าตัว100ล้านปอนด์ฝีเท้าเทียบโด้-เมสซี่

ร็อดเจอร์สอวย!ซัวเรซค่าตัว100ล้านปอนด์ฝีเท้าเทียบโด้-เมสซี่

พรีเมียร์ลีก : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ "หงส์แดงลิเวอร์พูล ที่1ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ในขณะนี้  โวว่า หลุยส์ ซัวเรซ มีฝีเท้าเทียบเท่ากับ คริสเตียโน โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ และมีค่าตัวสูงถึง 100 ล้านปอนด์

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาโวว่า หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงคนเก่งของทีมมีฝีเท้าเทียบชั้นกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี และเชื่อว่าจะต้องมีค่าตัวสูงถึง 100 ล้านปอนด์ หากปล่อยตัวออกจากทีม
" ค่าตัว ซัวเรซ จะพุ่งขึ้นถึง 100 ล้านปอนด์แน่นอน ถ้าคุณเทียบกับสุดยอดนักเตะอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ในช่วง 5 ถึง 6 ปีที่ผ่านมา เขาก็แสดงให้เห็นแล้ว เขาเป็นนักเตะระดับโลก อย่างที่คุณเห็นตอนนี้ฝีเท้าเขาพัฒนาแบบไม่หยุดจริงๆ" ร็อดเจอร์ส เผย