วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรือใบพลาด บุกเจ๊าปืน1-1,อดขึ้นนำจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

เปเยรับได้เรือบุกเจ๊าปืน1-1,พลาดขึ้นนำฝูง

ข่าวพรีเมียร์ลีก : ยังชิลๆ! เปเยกรินี่ ไม่เครียดกับผลเสมอ "ปืนใหญ่" 1-1 ชี้ว่าการได้ 4 แต้มจาก 2 เกมใหญ่นั้นโอเคแล้ว พร้อมยืนยันว่าการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก นั้นยังต้องดูกันอีกยาวๆ

มานูเอล เปเยกรินี่ ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกมาแสดงความเห็นว่าเขาพอใจกับหนึ่งคะแนนที่บุกไปเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา แม้จะพลาดการขึ้นนำเป็นจ่าฝูงไปก็ตาม พร้อมยังยืนยันว่าเส้นทางการลุ้นแชมป์นั้น ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างดุดเดือดระหว่าง 3-4 ทีมแบบนี้ต่อไปอย่างแน่นอน
กุนซือวัย 60 ปี กล่าวว่า "ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งคะแนนที่ดี เราเล่นเกมเยือน 2 เกมในสัปดาห์ด้วยการเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ผมคิดว่า 4 จาก 6 คะแนนที่เราได้มาจาก 2 ทีมใหญ่นั้นไม่เลวเลย ผมคิดว่าเรามีโชคเล็กน้อยเหมือนกันในวันนี้ ก่อนที่พวกเขาจะได้ประตูตีเสมอ เรามีโอกาสที่จะนำ 2-0 ผมคิดว่าเราเล่นได้ดีในครึ่งแรก แต่ในครึ่งหลังนั้นกลับมาสูสีกัน เรามีโอกาสโยนบอล 4-5 ครั้งจากฝั่งขวา ในช่วง 25 นาทีแรก แต่เราทำได้ไม่ดีพอ ซึ่งฟุตบอลมันก็แบบนี้แหละ ถ้าจะหาว่าใครสมควรเป็นผู้ชนะ ผมมองว่าควรเป็นทีมเรา"
พร้อมกันนี้ นายใหญ่ชาวชิลี ได้พูดถึงเส้นทางการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี โดยกล่าวว่า "ผมบอกเสมอว่ามันเป็นการแข่งขันที่สูสีมากระหว่าง 3-4 ทีม ซึ่งมันจะต้องสู้กันต่อไปจนจบฤดูกาล ผมคิดว่า อาร์เซน่อล ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ เราจะเห็นว่าทีมเหล่านี้จะเล่นดีขึ้นจนกระทั่งจบซีซั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำมันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตอนนี้จนถึงท้ายฤดูกาล"


ทั้งนี้ "เรือใบสีฟ้า" พลาดโอกาสขึ้นเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อย่างน่าเสียดาย โดยหนึ่งคะแนนที่ได้มา ทำให้พวกเขามีคะแนนตามหลัง เชลซี ที่เป็นจ่าฝูงอยู่ 2 แต้ม อย่างไรก็ตาม ยอดทีมมหาเศรษฐีจากเมืองแมนเชสเตอร์ ยังเหลือเกมในมืออยู่ถึง 2 นัดด้วยกัน

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปืนต้องสู้ ! :เอกราช เก่งทุกทาง

เอกราช เก่งทุกทาง : ปืนฮึดสู้

พรีเมียร์ลีก : ผมเชื่อว่าปีนี้ อาร์เซน่อล จะเป็นแชมป์เอฟเอคัพ แต่ถ้าได้แล้วดันหลุดโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีก ก็คงไม่มีปาร์ตี้ฉลอง และไม่นับว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จ

ทีมปืนใหญ่ไม่ชนะมา 2 นัดติด อันดับห้อยอยู่ที่ 4 ก็จริง แต่เริ่มโดนเอฟเวอร์ตันกดดัน ท็อฟฟี่ไล่จี้มาเหลือ 6 แต้ม แข่งน้อยกว่า 1 นัด แถมฟอร์มกำลังขึ้น ชนะในลีกมา 4 นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก
ถ้าอาร์เซน่อลไม่รีบฮึดกลับมาอันตรายแน่ๆ ทีมของอาร์แซน เวงเกอร์ ยังช็อกจากการโดนเชลซีถล่มครึ่งโหล แต่ที่สำคัญกว่าคือ ความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า 2 นัดต่อไป ไอ้ปืนใหญ่ต้องเจอกับแมนฯซิตี้ และบุกเยือนเอฟเวอร์ตัน นะครับ
แพ้เชลซี 6-0 อาจจะน่าอาย แต่ไม่หายนะเท่าแพ้ 2 นัดหน้าแน่นอน
เสาร์นี้ที่เจอซิตี้ มีความหมายกับอาร์เซน่อลหลายอย่าง ในสภาพที่ผลงานย่ำแย่ นักเตะปืนต้องการ 3 แต้มใหญ่ๆ ซักนัดมาช่วยกระตุ้น ความจริงเกมกับแมนฯซิตี้ อาร์เซน่อลไม่ต้องถึงขั้นพลิกชนะหรอก แต่เอาเสมอมีแต้มติดมือก็เหมือนช่วยปั๊มหัวใจให้แล้ว
เจอกันนัดแรก ปืนโดนยำเละ 6-3 และผลงานที่ไปเยือนทีมใหญ่ๆ รายอื่นๆ ก็ไม่ได้น่าจดจำอะไรเลย แพ้ลิเวอร์พูล5-1 แพ้เชลซี ครึ่งโหล
แต่ถ้าเป็นนัดเหย้า อาร์เซน่อลทำได้ไม่เลว เคยชนะหงส์แดง 2-0 เสมอเชลซี 0-0 เสมอแมนฯยู 0-0 และชนะสเปอร์ส 1-0 ถือว่าเหนียวแน่นพอตัว
ดูแล้วปืนใหญ่จึงน่าจะสู้ได้สนุก เว้นแต่แมนฯซิตี้ สามารถรักษาฟอร์มเทพต่อเนื่องจากวันขยี้แมนฯยู ถ้ายังจัดจ้านเหมือนเกมนั้น ไม่ว่าใครก็ต้านลำบาก
แมนฯซิตี้เองก็อยู่ในช่วง 2 นัดอันตราย และผ่านมาแล้วหนึ่ง คือวันชนะยูไนเต็ด เสาร์นี้ถ้าบุกบอมบ์อาร์เซน่อลได้อีก เรือใบจะขึ้นแท่นเป็นเต็ง 1 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เต็มตัว โอกาสคว้าแชมป์เจิดจ้าสุดสุด
ซิตี้มีทีมที่ลงตัว เหนือชั้นกว่าชาวบ้าน ถ้าไม่พลาดท่าสะดุดซะเอง เชลซีกับลิเวอร์พูล คงสู้ลำบาก
หงส์แดงชนะมา 7 นัดรวด มีลุ้นแชมป์แน่ แต่ช่วงนี้ก็ยังต้องอยู่กับความเป็นจริงที่ว่าคุณภาพทีมยังเป็นรองแมนฯซิตี้ 7 นัดที่เหลือจึงไม่ควรคิดมาก เน้นนัดต่อนัดไปก่อน สนใจแต่ตัวเองไปก่อนห้ามเสียสมาธิไปเปรียบเทียบกับทีมอื่นเด็ดขาด
นัดล่าสุด ลิเวอร์พูล เริ่มมีอาการเครียดจากการลุ้นแชมป์จนเกือบเสียท่า ซันเดอร์แลนด์ แต่วันอาทิตย์ที่จะเจอสเปอร์สในบ้าน หงส์ก็ยังได้เปรียบเยอะเพราะเกมรุกคมกว่า เล่นเป็นทีมดีกว่า
ตราไก่ทีมเยือน อันตรายแค่ คริสเตียน เอริคเซ่น แต่การจ่ายบอลยังย่ำแย่ แบ๊กขวา ไคล์ นอห์ตัน ก็เป็นบ่อเห็นๆ
ลิเวอร์พูลยังน่าจะฝันได้ต่อไปอีกนัด
..........


(ที่มา:มติชนรายวัน 28 มี.ค.2557)

วันพฤหัสบดีที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2557

หงส์หืด! เฉือนแมวดำ2-1 ขึ้นรองจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก


สเตอร์ริดจ์ซัดปิด! หงส์หืดเฉือนแมวดำ2-1+ภาพ

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ


ฤดูกาล 2013-14

วันพุธที่ 26 มีนาคม 2557

ลิเวอร์พูล 2:1 ซันเดอร์แลนด์

สนาม : แอนฟิลด์

ผู้ตัดสิน : เควิน เฟรนด์


เริ่มเกมครึ่งแรก

มาได้2นาที เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล มีจังหวะทักทายก่อน จากลูกส่องไกลนอกกรอบของ เกล็น จอห์นสัน  แต่บอลแรงเหินข้ามคานออกไป

น.5 ลิเวอร์พูล มีลุ้นจากลูกฟรีคิก หลุยส์ ซัวเรซ ปั่นโค้งข้ามกำแพงไปเสาแรก แต่บอลหลุดกรอบออกไป

น.12 ทัพ"หงส์แดง" บุกต่อเนื่อง  หลุยส์ ซัวเรซ วางบอลขึ้นหน้าให้ สเตอร์ริดจ์ แต่บอลลึกเกินไป สเตอร์ริดจ์ วิ่งตามไม่ทันบอลออกหลังไป
คลิกชมภาพต่อไป

และในนาทีที่ 37 สาวก "หงส์แดง" ก็ได้เฮจนได้ เมื่อมาได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ โดนสกัดล้มนอกเขตโทษได้เป็นลูกฟรีคิกและเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ปั่นโค้งข้ามกำแพงบอลหมุดเข้าสามเหลี่ยมตุงตาข่ายอย่างสวยงาม

น.42 ทีมเยือน ซันเดอร์แลนด์ มีจังหวะลุ้นบ้าง จาก คอนเนอร์ วิคแฮม ที่ได้ลองซัดนอกเขตโทษบอลพุ่งไปแฉลบ สเคอร์เทล เปลี่ยนทาง แต่ มิโญเลต์ ยังเร็วพุ่งปัดบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด

และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ที่ ลิเวอร์พูลออกนำ ซันเดอร์แลนด์ อยู่ 1-0

เริ่มเกมครึ่งหลัง
คลิกชมภาพต่อไปได้ไม่ถึง3นาที เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไหลบอลให้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทางด้านขวา ก่อนลากบอลเข้าเขตโทษแล้วปั่นด้วยซ้ายบอลแฉลบแผงหลังซันเดอร์แลนด์บอลโค้งเข้าเสาไกลตุงตาข่าย

น.57 เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ แทงบอลทะลุช่องให้ โจซี่ อัลติดอร์ ทางด้านซ้ายหลุดเดียวเข้าไป แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

นาทีต่อมา เจ้าบ้าน โต้กลับโดยวางบอลขึ้นหน้าให้ หลุยส์ ซัวเรซ เอาบอลลงได้ ก่อนเลี้ยงเข้าไปบริเวณกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วหาจังหวะปั่นไปเสาสอง แต่บอลหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
คลิกชมภาพต่อไป
น.62 ซันเดอร์แลนด์ เกมดีขึ้น และได้ลุ้นจาก อดัม จอห์นสัน กระดกบอลขึ้นหน้าไปให้ คี ซุง ยอง ตัวสำรองแต่เกี่ยวบอลไม่ติดเลยไม่มีจังหวะยิง

น.70 ทีมเยือน ซันเดอร์แลนด์ เกือบได้ประตูตีไข่แตก จากลูกยิงด้วยขวาหน้ากรอบโทษของ แคตเทอร์โมล บอลพุ่งไซด์ก้อยหนีมือ  ซิมง มิโญเลต์ ไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่บอลไปชนคานอย่างจัง

น.75 ซันเดอร์แลนด์ มาได้ประตูตีไข่แตกจนได้ จากจังหวะลูกเปิดมุมของ อดัม จอห์นสัน บอลมาตกหน้าประตูก่อนกระดอนมาเสาสองและเป็น คี ซุง ยอง ที่หลุดจากการประกบ มาโขกเหน่งๆเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้ ซันเดอร์แลนด์ ไล่ตามมาเป็น 1-2

ช่วงท้ายเกม ทีมเยือน บุกมากกว่าหวังตีเสมอ แต่ก็ไม่สามารถเจาะแผงหลังเจ้าบ้านได้ ทำให้จบเกม90นาที "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล บ้านรังแบบหืดจับเฉือนชนะ ซันเดอร์แลนด์ ไปได้ 2-1 เก็บ3แต้มสำคัญขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

รายชื่อ11ผู้เล่นแรกที่ลงสนามของทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล ระบบ (4-3-1-2) : ซิมง มิโญเลต์ : เกล็น จอห์นสัน , จอน ฟลานาแก้น , มาร์ติน สเคอร์เทล , ดาเนี่ยล อั๊กเกอร์ : สตีเว่น เจอร์ราร์ด , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ , โจ อัลเลน : หลุยส์ ซัวเรซ, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

ซันเดอร์แลนด์ ระบบ (3-4-1-2) : วิโต้ มานโนเน่ : อันเดรีย ดอสเซน่า , จอห์น โอเช , ซานติอาโก้ เวอร์จินี่ : เวส บราวน์ , แคตเทอร์โมล , เลียม บริดคัตต์ , เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ ,  ฟิล บาร์ดสลี่ย์ : โจซี่ อัลติดอร์ , คอนเนอร์ วิคแฮม

เวสต์แฮม ชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 2-1

วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

ต่างกันเยอะ! ผีเปิดรังโดนเรือไล่ยำคาถิ่น0-3

หมดทางสู้! ผีเปิดรังโดนเรือไล่ยำคาถิ่น0-3

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอังคารที่ 25 มีนาคม 2557

แมนฯ ยูไนเต็ด 0 - 3 แมนฯ ซิตี้

สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่เอกวันนี้เป็นเกมบิ๊กแมตช์ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ระหว่างทีม "ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  จะเปิดบ้านทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ กับ"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอริรีร่วมเมือง ศึกครั้งนี้ ไม่มีใครยอมใครแน่นอน…

เริ่มเกมครึ่งแรก
คลิกชมภาพต่อไป

มาได้ไม่ถึง 1นาที เกิดเรื่องช็อกแฟนเจ้าบ้าน แมนฯ ยู เสียแล้ว เมื่อมาเเสียประตูอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ่  ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ ซาเมียร์ นาสรี่ ทางด้านซ้าย ก่อนลากตัดเข้ากลางกดด้วยขวาบอลไปชนเสากระดอนมาเข้าทาง เอดิน เชโก้ หน้าประตูได้ซ้ำโล่งๆเข้าไป ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ออกนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0

น.18 ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ มีโอกาสลุ้น จาก ดาบิด ซิลบา จ่ายบอลให้ เอดิน เชโก้ ก่อนลองสับไกด้วยขวาบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ ดาบิด เดเกีย ยังไวพุ่งเซฟปัดได้ปลายมือ 
คลิกชมภาพต่อไป


น.21 เจ้าบ้าน แมนฯ ยู ได้ลุ้นบ้าง เมื่อ ไมเคิ่ล คาร์ริค  โยนบอลให้ เวย์น รูนี่ย์  ทางฝั่งซ้ายก่อนลากตัดเข้าเขตโทษแล้วกดด้วยขวา แต่ไม่ผ่านมือ โจ ฮาร์ท รับใว้ได้

น.25 แมนฯ ยู มีจังหวะอีกครั้ง จาก คาร์ริค วางบอลให้ เวลเบ็ค พยายามเอาลงแต่บอลล้นไปถึง เฟลไลนี่ ได้วอลเลย์แต่ยิงได้ไม่แรงพอ โจ ฮาร์ท รับได้สบาย

น.39 "ปีศาจแดง" มีจังหวะทำประตู เมื่อ ราฟาเอล ปาดบอลจากขวาเข้าในกรอบเขตโทษ เวย์น รูนี่ย์ ยิงไม่โดนบอลเลยมาถึง ฆวน มาต้า ตั้งป้อมกดด้วยขวาเต็มข้อ แต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไปอีก

ช่วงท้ายเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมกันได้ทำให้ จบครึ่งแรก  แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมานำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 1:0

เริ่มเกมครึ่งหลัง

มาถึงนาทีที่ 3 แมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสก่อน เมื่อ ฟิล โจนส์ โหม่งสกัดพลาดบอลมาเข้าทาง  ปาโบล ซาบาเลต้า ล้มตัวซัดบริเวณหน้าเส้นเขตโทษ แต่โชคยังดีบอลไปโดน ไมเคิ่ล คาร์ริค แฉลบออกหลัง

น.52 ทีมเยือน เกือบได้ประตู เมื่อ ดาบิด ซิลบา เปิดลูกเตะมุมด้วยขวา เข้าเขตโทษบอลมาถึง แฟร์นันดินโญ่ ได้โหม่งบอลเฉียดคานออกหลังไปนิดเดียว

และ4นาทีต่อมา ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากลูกเตะมุมทางด้านขวาของ  ซาเมียร์ นาสรี่ โยนเข้าในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเป็น เอดิน เชโก้ ที่วิ่งโฉบมาโขกที่เสาแรกเข้าไปไม่เหลือ
คลิกชมภาพต่อไป
น.65 แมนฯยู มีจงหวะบ้าง จากลูกโยนเข้ากรอบเขตโทษของ ไมเคิ่ล คาร์ริค มาให้ มารูยาน เฟลไลนี่ เบียดขึ้นโขกแต่บอลหลุดเสาออกหลังไป

น.69  ยาย่า ตูเร่ พาบอลขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนไหลเข้ากลางให้ แฟร์นันดินโญ่ ได้กดด้วยขวาบอลเหินข้ามคาน

น.71 ราฟาเอล ดา ซิลวา  ลากบอลเข้าเขตโทษทางฝั่งขวา ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ แดนนี่ เวลเบ็ค  ยิงไขว้ด้วยขวา แต่ไปตรงตัว โจ ฮาร์ท เซฟไว้ได้

และนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาเจ็บ ทีมเยือน แมนฯ ซิตี้ มาได้ลูกที่3 ซาเมียร์ นาสรี่ แทงบอลขึ้นหน้าให้ เจมส์ มิลเนอร์ ทางกราบขวาก่อนแปยัดเข้ากลางไปแฉลบ ฟิล โจนส์ บอลมาเข้าทาง ยาย่า ตูเร่ แตะหลอก เอวร่า หนึ่งจังหวะก่อนแปเล่นทางเข้าหน้าต่างเสาสองอย่างใจเย็น และจบ90นาที ทำให้ แมนฯ ซิตี้ บุกมาถล่ม แมนฯยู ไปได้แบบสบายเกือก 3-0


รายชื่อ11ผู้เล่นแรกที่ลงสนามของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ระบบ 4-2-3-1) : ดาบิด เดเกีย :  ราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ฟิล โจนส์, ปาทริซ เอวร่า :  มารูยาน เฟลไลนี่, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ :   ฆวน มาต้า, เวย์น รูนี่ย์ , แดนนี่ เวลเบ็ค

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ระบบ 4-2-3-1) :  โจ ฮาร์ท :  ปาโบล ซาบาเลต้า, มาร์ติน เดมิเคลิส, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, กาแอล กลิชี่ :  แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่, เฆซุส นาบาส , ซาเมียร์ นาสรี่, ดาบิด ซิลบา :  เอดิน เชโก้
ผลบอลพรีเมียร์ลีก คู่อื่นๆ : อาร์เซน่อล 2 - 2 สวอนซี ซิตี้
                                        นิวคาสเซิล 0 - 3 เอเวอร์ตัน

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปืนเริ่มวางแผนอนาคต หลังเจ๊ยังไม่ต่อสัญญา วางตัวคลอปป์,มาร์ตี้สืบทอดเจ๊

ปืนวางตัวคลอปป์,มาร์ตี้สืบทอดเจ๊

พรีเมียร์ลีก : ''ปืนใหญ่'' วางตัว ''คลอปป์'' หรือ ''มาร์ตี้'' สืบทอดตำแหน่งกุนซือ หาก ''เจ๊เหวง'' ไม่ยอมต่อสัญญาซัมเมอร์นี้ หลังพยายามเจรจามาหลายครั้งยังไม่สำเร็จ


อาร์เซน่อล ทีมดังแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่างแผนหากุนซือผู้สืบทอด หาก อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะต่อสัญญาฉบับใหม่หลังจบซีซั่นนี้ โดยสื่อแดนผู้ดีคาดว่าน่าจะมีชื่อของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่กำลังทำผลงานได้อย่างสวยงามกับ เอฟเวอร์ตัน พลิกทีมจากสโมสรระดับกลางกลายเป็นทีมจอมบุกกลุ่มลุ้นพื้นที่ยุโรป และ เจอร์เก้น คลอปป์ เทรนเนอร์มือดีของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน

ก่อนหน้านี้ แสตน โครนเก้ เจ้าของทีมและบรรดาบอร์ดบริหาร "ปืนใหญ่" เคยพยายามที่จะขยายสัญญาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจาก เวนเกอร์ ไม่รีบร้อนและต้องการดูสถานการณ์ก่อน เนื่องจากปัญหาทั้งภายในและภายนอก อย่างแรกคือเรื่องการใช้จ่าย และเรื่องความสำเร็จที่ห่างหายมานานอาจทำให้ยอดกุนซือยอมถอดใจวางมือเอง

อย่างไรก็ดี ยังมีการคาดหมายเพิ่มเติมว่า ความเป็นไปได้ที่ เวนเกอร์จะต่อสัญญาก็พอมีอยู่ แต่อาจเป็นการต่อสัญญาระยะสั้นเพียง 2 ปี กับค่าเหนื่อยปีละ 8 ล้านปอนด์ (440 ล้านบาท) อนาคตปืนใหญ่ ยอดทีมจากพรีเมียร์ลีก จะเป็นอย่างไรต้องติดตาม


วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2557

เช็กฟอร์มกับ โปรแกรมพรีเมียรลีก ที่ผ่านมา ใครหล่อ ใครมึน ใครรั่ว !

เช็กบิลพรีเมียร์ ลีก

 เช็กฟอร์มกับ โปรแกรมพรีเมียรลีก ที่ผ่านมา ใครหล่อ ใครมึน ใครรั่ว !


อาร์แซน เวนเกอร์...
ฉลองการทำหน้าที่กุนซืออาร์เซนอลนัดที่ 1,000 ของอาร์แซน เวนเกอร์ กลายเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าจดจำอย่างสิ้นเชิง เจอหายนะมาเยือนแบบเต็มเหนี่ยวจนจำสภาพศพไม่ได้

ก่อนหน้านี้ น้ามู เคยปรามาสเอาไว้ว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านความล้มเหลว เล่นเอา เวนเกอร์ ควันออกหู เก็บความแค้นไว้ในใจหวังว่าจะลบออกไปในนัดที่เจอกัน ผลออกมาตรงกันข้าม...

กุนซืออาร์เซนอลนั่งดูลูกทีมแบบช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย การโดนขึ้นนำเร็วต่อเนื่องเล่นงานลูกทีม เวนเกอร์ อีกครั้ง หนักไปกว่านั้นเหลือผู้เล่นในสนามน้อยกว่าอีกต่างหาก

ตัวเท่ากันยังเหนื่อยเลย เมื่อเหลือน้อยกว่าทุกอย่างจึงจบสิ้นกันตั้งแต่นาทีนั้น เจอกับทีมใหญ่ปืนโตเสียอนาคตให้เห็นหลายเกม ไม่ว่าจะเสียให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 6 ประตู เสียให้กับลิเวอร์พูล 5 ประตู และล่าสุดเจ๊งยับให้กับเชลซี

เป็นประเด็นที่สำคัญแน่นอนกับทีมที่ลุ้นความสำเร็จ การเจอกับทีมใหญ่ที่อยู่ในข่ายแย่งชิงรางวัลกันนั้นพลาดบ่อยเกินไปมันเสียหายแบบสองเด้งทันที

ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ทำให้ปืนโตหล่นลงมาอยู่อันดับ 4 ของ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก และโดนเซลซี ทีมหัวตารางพรีเมียร์ลีก สปีดหนีออกไปอีก สิ่งที่ตอกย้ำความเจ็บใจก็คือทั้งเรือใบและหงส์แดงชนะทั้งคู่ ทำให้ปืนโตดูไม่ดีมากยิ่งขึ้น

อเล็กซ์ อ๊อกเหลด แชมเบอร์เลน...
ทุ่มเททุกนัดที่มีโอกาสลงเล่น ฟอร์มในฤดูกาลนี้ถือว่าสดอย่างยิ่ง แชมเบอร์เลนพยายามช่วยทีมโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทั้งเกมรุก ทั้งเกมรับ ใส่เกินร้อย

ความมุ่งมั่นทุ่มเทที่เกินร้อยนั้นย้อนกลับมาเล่นงานเต็มๆ ประตูแรกที่ ซามูเอล เอโต้ เป็นคนซัดให้กับเชลซี มาจากจังหวะที่ล็อกหลบ แชมเบอร์เลน ที่เข้าพรวดจนลื่นหัวทิ่ม

และการพยายามเซฟประตูให้กับทีมโดยใช้มือช่วยจนทำให้เสียจุดโทษและโดนไล่ออกแบบผิดตัวเกิดขึ้น เสียกำลังพลจนทำให้เชลซียำใหญ่ในที่สุด

คีแรน กิ๊บส์...
โดนไล่ออกจากสนามแบบทำใจยากอย่างยิ่ง ไม่ใช่คนก่อเหตุ แต่ต้องออกจากสนามไปตั้งแต่นาทีที่ 15 ซึ่งมาจากการตัดสินใจผิดพลาดของผู้ตัดสิน แทนที่จะไล่ แชมเบอร์เลน ที่จงใจใช้มือปัดบอล เวรกรรมกลับตกมาอยู่กับ คีแรน กิ๊บส์ ซะงั้น

อังเดร มาร์ริเนอร์...
เป็นผู้ตัดสินฝีมือดีคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก และอังกฤษ ต้องมาเจอกับวันที่เลวร้ายตัดสินผิดพลาดครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ตัดสินคนไหนก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่นอน

ไล่นักเตะผิดคนออกจากสนาม เกิดขึ้นได้อย่างไรทั้งผู้ช่วยผู้ตัดสินและผู้ตัดสินที่ 4 ไม่มีการทักท้วง พร้อมใจกันไม่เห็นเหตุการณ์นั้นอย่างพร้อมเพรียง

แพ้ชนะเป็นเรื่องของเกม ไล่ถูกคนอาร์เซนอลก็หนีไม่พ้นโดนยำอยู่ดี แต่นี่หมายถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่ผิดพลาดอย่างแรง

มาร์ติน สเคอร์เทล...
ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ตเกมด้วยการเล่นที่ผิดพลาดกันบ่อย ผ่านบอลกันๆไม่แม่นยำ เกมรับมีช่องให้เจาะจะแจ้ง จนต้องไล่ตามคาร์ดิฟฟ์ถึงสองครั้งสองครา

แม้ว่าหลุยส์ ซัวเรซ จะทำแฮตทริกได้ในนัดนี้ แต่บทบาทที่ สเคอร์เทล แสดงให้เห็นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เกมนี้มี 2 ประตูจากกองหลังหงส์แดง

ประตูแรกของ สเคอร์เทล ได้มาในช่วงท้ายเกมครึ่งแรกตามตีเสมอคาร์ดิฟฟ์ 2-2 ถ้าจบครึ่งแรกสกอร์ตามหลังลิเวอร์พูลจะเจองานยากกว่านี้แน่นอน

ประตูที่ 2 ของ มาร์ติน สเคอร์เทล คือยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ เป็นสถานการณ์ที่ถือว่าปลดเปลื้องความทุกใจของทีมออกไป เล่นกันสบายมากขึ้นอย่างชัดเจน 2 เหตุการณ์สำคัญจึงต้องให้เครดิต สเคอร์เทล มากหน่อย

ยาย่า ตูเร่...
ในช่วงเวลาที่เชลซีหนีออกไปก่อนแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จำเป็นไล่ตามหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก จะต้องเดินหน้าเต็มๆ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรได้เล่นในบ้านทีมที่มาเยือนคือฟูแล่ม ทุกอย่างจึงออกมาอย่างที่เห็นกัน

ยาย่า ตูเร่ เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ลุ้นแฮตทริกจากจุดโทษ หลังจากเจอร์ราร์ด พลาดที่จะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ในนัดแดงเดือด

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจุดโทษลูกที่ 3 ในเกมไม่มีให้ลุ้น แต่ประตูแฮตทริกถือว่างามหยดเหมือนกัน นอกจากนั้นไม่มีอะไรมากสำหรับเรือใบงานง่ายอยู่แล้ว

เวย์น รูนี่ย์...
รับหน้าเสื่อเหมา 2 ประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะเวสต์แฮมไปได้ เป็นวันของ รูนี่ย์ จริงๆเพราะประตูแรกที่ยิงให้ทีมขึ้นนำนั้นสร้างความสุขความบันเทิงและรอยยิ้มให้กับแฟนบอลในสนามทุกคนไม่เว้นแม้แต่แฟนบอลเจ้าบ้าน

เกือบครึ่งสนามที่ รูนี่ย์ สังหาร หมดจดงดงาม แฟนบอลทุกคนในสนามเป็นพยานและประทับใจกันถ้วนหน้า อาจจะเป็นลูกสวยที่สุดแห่งปีใน พรีเมียร์ลีกเลยก็ได้ เป็นช่วงเวลาที่สร้างความสุขให้กับมวลมหาผีแดงเป็นพิเศษ ได้ใจจริงๆ

เรื่องโดย : ดามัน

วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

กรรมการมึน! แจกใบแดงไล่ผิดคน มาร์ริเนอร์ขอขมาปืนโตหลังเกม พรีเมียร์ลีก

มาร์ริเนอร์ขอขมาปืนโตแจกใบแดงไล่ผิดคน

มาร์ริเนอร์ โร่ขอขมา "ปืนโต" หลังเกมพรีเมียร์ลีกทำเปิ่นแจกใบแดงตะเพิด กิ๊บบ์ส ทั้งที่ แชมเบอร์เลน เป็นคนทำแฮนด์บอล องค์กรเชิ้ตดำแถลงเจ้าตัวยอมรับความผิดพลาดแล้ว


อังเดร มาร์ริเนอร์ ผู้ตัดสินคนดังออกโรงขอโทษขอโพย อาร์เซน่อล ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นการใหญ่ หลังแจกใบแดงไล่ คีแรน กิ๊บบ์ส ออกจากสนาม ทั้งที่ความจริงแล้วเป็น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน นักเตะอีกรายซึ่งพุ่งปัดบอลในนัดบุกแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-6 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา

เหตุการณ์อื้อฉาวดังกล่าวเกิดขึ้นใน น.15 หลัง "ดิ อ็อกซ์" กระโดดพุ่งสุดตัวแล้วใช้มือปัดลูกยิงของ เอแด็น อาซาร์ ปีกซ้าย "สิงห์บลูส์" ช่วยให้ "ปืนใหญ่" รอดพ้นการเสียประตูที่ 3 ไปได้ แต่เชิ้ตดำวัย 43 กะรัตกลับแจกใบแดงไล่ กิ๊บบ์ส ออกจากสนาม แม้ตัวการจริงๆ อย่าง แชมเบอร์เลน จะพยายามชี้แจงกับ มาร์ริเนอร์ แต่ก็ไม่เป็นผล

องค์กรผู้ตัดสินอาชีพออกแถลงการณ์เป็นตัวแทน มาร์ริเนอร์ ว่า "ความผิดพลาดเรื่องการจำแนกนักเตะนั้นเกิดขึ้นได้ยากมากๆ และมักจะเกิดขึ้นด้วยปัจจัยด้านเทคนิคต่างๆ มากกว่า แม้ว่านี้จะเป็นการตัดสินใจที่ยาก แต่ อังเดร ก็เสียใจกับความผิดพลาดของเขา เขาแสดงความเสียใจต่อ อาร์เซน่อลทีมดังจากพรีเมียร์ลีก หลังจากที่เขารู้ว่าเกิดความผิดพลาดขึ้น"

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

ผีงานเข้าอีก! อาร์วีพีเข่าพัง พักยาว6วีค

ผีจ๊าก! อาร์วีพีเข่าพัง พักยาว6วีค

ข่าวพรีเมียร์ลีก : ผีงานเข้าอีก! อาร์วีพีเข่าพัง พักยาว6วีค 

"ปีศาจแดง" อ้วกแตก ! "อาร์วีพี" เจ็บเข่าหนักกว่าที่คิด ต้องพลาดลงช่วยทีมราว 4-6 สัปดาห์ ส่งผลให้นักเตะหมดสิทธิ์ลงสนามเกมสำคัญที่ต้องการแต้มในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ที่จะพบ "เรือ", "พี่เสือ" และ "ทอฟฟี่" เรียบร้อย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เจอข่าวร้ายเสียแล้ว เมื่อล่าสุด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงตัวจบสกอร์ของทีม จะหมดสิทธิ์ลงสนามช่วยต้นสังกัดราว 4-6 สัปดาห์ ภายหลังจากนักเตะรายนี้ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า จากเกมที่ทัพ "ปีศาจแดง" ไล่ยำ โอลิมเปียกอส 3-0 ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2013-14 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัด 2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 มี.ค.)

ก่อนหน้านี้ "เดลี่ เมล์" สื่อชื่อดังเมือง "ผู้ดี" รายงานว่า "อาร์วีพี" ปัญหาเจ็บบริเวณหัวเข่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น และน่าจะเรียกความฟิตกลับมาได้ทันเกม "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" ที่มีคิวเปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใน วันอังคารที่ 25 มี.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด "โรบิน" ที่สวมบทฮีโร่ซัดแฮตทริก พา "ปีศาจแดง" พลิกเข้าสู่รอบ 8 ทีม ด้วยการคว่ำ โอลิมเปียกอส ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2 เจ็บหนักกว่าที่คาด และจะพลาดลงเล่นเกมพบกับ "เรือใบสีฟ้า" แน่นอน รวมไปถึงแมตช์สำคัญอีก 3 นัด ที่จะเจอ บาเยิร์น มิวนิค ศึก "ยูซีแอล" ทั้งเหย้าและเยือน (1,9 เม.ย.) และ เอฟเวอร์ตัน(20 เม.ย.) อีกด้วย

วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557

ต่ออายุ! เดวิด มอยส์คืนชีพ หลังสถานะการณ์สร้างวีรบุรุษแห่งพรีเมียร์ลีก

มโน มอยส์

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก : เป็นการต่อลมหายใจออกไปได้อีกเฮือกอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับ สำหรับ เดวิด มอยส์ กุนซือเก้าอี้ร้อนผู้นั้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บางทีมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เหมือนดั่งที่ มาร์ค โรบิน เคยพังประตูชัยซึ่งช่วยเซฟเก้าอี้ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอาไว้ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ "ปีศาจแดง" ต้องเจอกับทีมมหาอำนาจในยุคทศวรรษที่ 90 อย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส....ทันใดนั้นเอง ภาพมโนของ มอยส์ ที่ค่อยๆ พา ยูไนเต็ด กลับสู่เส้นทางของ แชมเปี้ยนส์ ก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กับรอยยิ้มของ "เฟอร์กี้" ที่พิสูจน์ให้ทุกๆ คนได้เห็นอีกครั้งว่า "เขาถูกเกือบเสมอ!" 

หรือมันอาจไม่ได้มีความหมายอะไรเลยมากกว่าการเปลี่ยนจากตายวันนี้ เป็นพรุ่งนี้
สีหน้าของ เซอร์อเล็กซ์ เมื่อคืนนี้จากฟอร์มผีเข้าลูกทีมมอยส์
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่โดนใครหลายคนกระแนะกระแหนในช่วงหลังว่าให้อารมณ์ดั่ง รีสอร์ท แอนด์ สปาร์ ยังคงไว้ซึ่งมนต์ขลังในเกมยุโรปเหมือนเมื่อวันก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค มอยซี่ ก็ตามที 

เสียงเชียร์ดังจนน่าขนลุก, บรรยากาศของการปลุกเร้า, นักเตะทีมเยือนแข้งขาสั่น, ทีมอาคันตุกะต่อบอลรวดเร็วฉับไว, บุกแล้วบุกอีก แถมนั่นยังไม่ใช่การเดินเกมที่สูญเปล่า เพราะมันมาพร้อมกับประตูถึง 3 ลูก!

นี่มันคนละทีมกับ แมนฯ ยู ในเกมลีกชัดๆ 

กับคำถามที่ว่าสปิริตในยุค มอยส์ ยังคงอยู่มั้ย ? เป็นอันว่าตกไป หากแต่คำถามเรื่องปรัชญาและแท็คติกยังคงอยู่
พอได้สกอร์ 3-0 อย่างที่ใจต้องการแล้ว มอยส์ ก็สั่งแพ็คเกมรับทันที
สถานการณ์เมื่อคืนนี้ บีบให้ "ปีศาจแดง" ไม่มีทางเลือกอะไรทั้งสิ้นนอกจากต้องบุก บุก บุก! ซึ่งพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำได้ดีเลยทีเดียว แต่ทันทีที่ได้สกอร์ขึ้นแท่น 3-0....แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็บิดกุญแจดับเครื่องของตัวเองทันที ซึ่งแน่นอนว่านั่นย่อมมีต้นขั้วมาจากคนนั่งหลังพวงมาลัยอย่าง มอยส์ 

มันอาจเป็นจินตนาการพร่ำเพ้อของแฟน "หงส์" หรือกองแช่ง แมนฯ ยู อีกหลายๆ คน แต่ผมรู้สึกเหลือเกินว่าสกอร์บอร์ดมันมีโอกาสถูกบิดเป็น 3-1 ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะถ้าหากคู่แข่งของ "อสูรแดง" นั้นไม่ใช่ "กอส" เนื่องด้วยคุณภาพในการเล่นเกมรับของทีม ที่คงต้องพูดเปิดอกกันตามตรงว่าพร้อมโดนยิงตลอดเวลาในยุคนี้

หากแต่ในเมื่อจบเกมแล้ว พวกเขาไม่เสียประตู....เราก็คงต้องให้เครดิตกับ มอยส์ กันบ้าง เพราะอย่างน้อย แมนฯ ยู ก็ยังทำได้ตามเป้า และเขาได้ 3 ประตู จากการเลือกส่ง 11 แข้งตัวจริงที่ประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า "ตรูจะขยี้ ตรูจะเอาจริง"
ปราการด่านหน้ายังถือว่าหนักหนาสาหัสยิ่งนัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือเต็ง 8 ร่วมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ในช่วงก่อนการจับสลากรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูซีแอล....ไม่ว่าพวกเขาเจอใคร พวกเขาย่อมถูกมองว่าเป็นรองอยู่แล้ว
แต่นั่นคือข้อดีของทีมที่ถูกมองว่าเป็นทีมรองบ่อน , ความกดดันไม่มากมาย การตกรอบชั่วโมงนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าเข้ารอบขึ้นมาล่ะก็ รับรองเสียงเฮที่ "โรงละครแห่งความฝัน" จะโด่งดังกว่าใคร....แมนฯ ยู สามารถพุ่งสมาธิไปที่เกมยุโรปได้อย่างเต็มที่

กับคำพูดที่ว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ มอยส์ คงกำลังนึกถึงสิ่งนี้

บนภาพมโนอันไร้สาระของผู้เขียน........หากในท้ายที่สุดแล้ว มอยส์ ดันล้มกระดาน พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาคือของจริง...นั่นจะเป็นปรากฏการณ์อยู่บนอีก 1 หน้าประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด....พวกเขาจะได้กองอยู่บนความสำเร็จต่อไปอีกมากมายหลายปี เหล่าสาวก "แมนคูเนี่ยน" จะได้นึกย้อนกลับมารำลึกถึงวันเวลาเก่าๆ เมื่อฤดูกาล 2013-2014 เพราะมันคือวันที่ "กลุ่มเพื่อนมอยส์" ถือกำเนิดขึ้น , วันที่ทุกๆ คนเห็นอดีตกุนซือเอฟเวอร์ตัน เป็นเพียงแค่โจ๊กขำขัน , วันที่แฟนๆ ลิเวอร์พูล ยกให้เขาคือ genius ของวงการลูกหนัง ซึ่งจะเป็นวันเดียวกันของอนาคตที่แฟน "ปีศาจแดง" ตอกกลับไปว่า "เออ! ที่พูดนั่นน่ะ ถูกแล้ว" 

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าอีกไม่กี่เดือนคุณได้อ่านเจอข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แยกทางกับ มอยส์ แล้วเรียบร้อย ?

มันก็คงแปลว่า "มโนของผม ก็จะยังเป็นเพียงแค่มโนต่อไป" เช่นเดียวกับความจริงแท้ที่ว่า เดวิด มอยส์ มีค่าเพียงแค่ทางผ่านที่ไม่ควรคู่แก่การจดจำอะไรมากนักบนหน้าประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรและยาวนานของ "ปีศาจแดง"
"ยอดขวัญ"

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีกได้ที่นี่ : http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

ทีมหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกกับ แมตช์ตัดสินชะตา(แชมป์)พรีเมียร์ลีก อังกฤษ...?

แมตช์ตัดสินชะตา(แชมป์)พรีเมียร์ลีก อังกฤษ...?

ทีมหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกกับ แมตช์ตัดสินชะตา(แชมป์)พรีเมียร์ลีก อังกฤษ...?

 : คืนนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดลงทำศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นเรื่องเดียวที่คาดหวัง ไม่รู้ว่าบ้านพังหรือจะผ่อนคลายไปอีกสัก 1-2 สัปดาห์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผีเค้าก็แล้วกัน ส่วนเรื่องที่จะพูดถึงในวันนี้ไม่น่าเชื่อว่าผีแดงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
เชลซี,ลิเวอร์พูล,อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 ทีมที่ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ไม่ว่าสโมสรนั้นจะตั้งเป้าไว้ตรงไหนก็ตามที แต่แต้มที่มีอยู่บ่งบอกว่าวันนี้ยังคงมีโอกาสทั้ง 4 ทีม
เมื่อหลายทีมลุ้นกันแบบนี้ ต้องมีแมตช์ที่ส่งผลกระทบกันโดยตรงหลายต่อหลายแมตช์ เชลซีที่กำลังเพลิดเพลินเดินสะดุดขาแอสตัน วิลล่าจนหัวทิ่ม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไล่ล่าแต้มเต็มที่จากจำนวนแมตชที่ลงเตะน้อยกว่าชาวบ้านเพราะติดคิวเตะบอลถ้วย ปัยหาก็ใช่ว่าจะไม่มี กุน อเกวโร่ เจ็บมาจากเกมเยือนบาร์ซ่า ในขณะที่ แว็งซ็องต์ กอมปานี ปัจจัยหลักในเกมรับเพิ่งโดนตะเพิดออกจากสนามในนัดที่ผ่านมา
อาร์เซนอลกับลิเวอร์พูล นัดล่าสุดออกนอกบ้านทั้งคู่ แต่สามารถเก็บ 3 แต้มที่สำคัญได้สำเร็จ นั่นทำให้พื้นที่หัวตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก http://sport.sanook.com/football/premierleague/ ยังคงมีความหมายหลายทีม
ถึงเวลาที่ไปตามดูกันแล้วว่า แมตช์ที่มีผลต่อการไล่ล่าแชมป์ซึ่งสื่อในอังกฤษคัดออกมาเรียบร้อยแล้ว เอามาฝากกันครับ
แมตช์ที่ 1...
เชลซี VS อาร์เซนอล (22 มีนาคม)
แมตช์สำคัญแมตช์แรกเริ่มกันที่สุดสัปดาห์นี้เลย เชลซีเปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ ดวลกับอาร์เซนอล หลังจากพลาดให้วิลล่า โจเซ่ มูรินโญ่ ต้องจิกหัวลูกทีมให้กลับมาภายในนัดเดียว เป็นกฎพื้นฐานอยู่แล้วต้องเร่งกลับมาให้เร็วที่สุด แต่โชคไม่ดีเท่าหร่ที่ต้องเจอกับปืนโต
อาร์เซนอลชนะแค่ 5 นัดเท่านั้นจากการเจอกัน 20 นัดที่ดวลกัน 5 นัดหลังหาชัยชนะไม่เจอกันเลยทีเดียว ฤดูกาลนี้ผ่านการเผชิญหน้ากันมาแล้ว 2 นัด เกมในพรีเมียร์ลีกเจ๊ากันแบบไร้สกอร์ และมในถ้วยแคปิตอล วัน คัพ เชลซีเข่นไป 2-0
น้ามูพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า เวนเกอร์ คือผู้เชี่ยวชาญด้านความล้มเหลว สุดสัปดาห์นี้เคลียร์กันไปเลย
แมตช์ที่ 2...
อาร์เซนอล VS แมนฯ ซิตี้ (29 มีนาคม)
ต่อเนื่องสำหรับอาร์เซนอลกับการเจอของแข็ง ถ้า 2 นัดติดต่อกันด้วยความล้มเหลวถือว่าปิดฉากการลุ้นแชมป์สำหรับปืนโตไปเลย แต่ถ้าทำได้ดีเหตุการณ์จะตรงกันข้ามกันทันที
นัดแรกที่เจอกันในฤดูกาลนี้ซิตี้ถล่มมาแล้ว 6-3 และการมาเยือนเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ผลงานดีมาตลอด เกมนี้มีผลกระทบต่ออาร์เซนอลอย่างแรง และผลก่อนหน้านี้ที่เจอกับเชลซีจะมีแรงบวกเข้ามาด้วย ถ้าแย่ก็จบเห่ ถ้าเจ๋งจริงจะเป็นแรงบวกให้เดินหน้าด้วยคาวมมั่นใจ
แมตช์ที่ 3...
ลิเวอร์พูล VS แมนฯซิตี้ (13 เมษายน)
เกมที่บุกไปเอาชนะผีแดงของลิเวอร์พูล ทำให้ภาพออกมาได้ลุ้นกันยาวมากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ก้าวหน้าตามลำดับของค่ายหงส์แดง
นัดแรกที่เจอกันแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนนำก่อนแต่แซงกลับมาเป็นผู้ชนะได้ 2-1 ซึ่งก่อนหน้านั้นเจอกันจะออกมาในทางเจ๊า
ลิเวอร์พูลพลาดให้อาร์เซนอลเมื่อเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นช่วงปลายปีโดน 2 นัดในเวลาใกล้เคียงกันด้วยการโดนเฉือยชัยโดนเรือใบและเชลซี
เจอกันเองแบบนี้เป็นความหวัง ร็อดเจอร์ส คงต้องคิดถึงฟอร์มที่เคยถล่มอาร์เซนอล ถ้าเล่นได้แบบนั้นเรือใบก็เหนื่อยเหมือนกัน
แมตช์ที่ 4...
ลิเวอร์พูล VS เชลซี (27 เมษายน)
เกมนี้เป็นเกมสุดท้ายที่บรรดาท็อปโฟร์จะเจอกันเอง ซึ่งเหลืออีก 3 เกมต่อจากนี้ให้สปีดเข้าเส้นชัย การเจอกันในเกมนี้ของทั้ง 2 ทีมอาจจะสำคัญสุดๆวัดอะไรได้ชัดเจนเลยก็เป็นไปได้
บรรยากาศอาจจะเต็มไปด้วยสีสัน และอาจจะเต็มไปด้วยความตึงเครียด ปลายปีที่ผ่านมาเชลซีเอาชนะมาก่อนแล้ว 2-1 และฤดูกาลมี่ผ่านมาสิงห์บลูส์มาเยือนแอนฟิลด์เจ๊ากันไป 2-2
นั่นคือ 4 เกมตามโปรแกรมที่เหลืออยู่ ซึ่งสื่อในอังกฤษคัดออกมาบอกกันว่าสำคัญสุดๆกับท็อปโฟร์ที่เจอกันเอง อย่างไรก็ตามความสำคัญจะมากน้อยแค่ไหนเมื่อเวลาจริงมาถึง ขึ้นอยู่กับแมตช์อื่นๆระหว่างทาง
ถ้าแมตช์ระหว่างทางผลงานตระการตาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องวัดกันในแมตช์ที่เจอกันเองนี่แหละ ไปกลับ 2 เด้งทำได้ดีมีโอกาสเฮเสียงดังๆ
ดามัน

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้ที่: http://sport.sanook.com/football/premierleague/

ข่าวชัวหรือมั่ว! ผีแดงทุ่ม80ล้านปิดดีลคว้า”คาวานี่”แล้ว

ข่าวชัวหรือมั่ว! ผีแดงทุ่ม80ล้านปิดดีลคว้า”คาวานี่”แล้ว

อัยยะ!ผีทุ่ม80ล้านปิดดีลคว้า”คาวานี่”แล้ว
 : ทีมปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกจัดการปิดจ๊อบคว้าตัว”เอดิสัน คาวานี่”กองหน้าของทีมเปแอสเชเข้ามาร่วมทัพแล้วด้วยค่าตัว80 ล้านปอนด์

ข่าวลือจนมีมูลซะแล้วเมื่อสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเตรียมคว้า ”เอดิสัน คาวานี่” ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยของปารีส แซงต์-แชร์กแมงเข้ามาร่วมทัพแล้วหลังสามารถตกลงค่าตัดได้ที่ 80 ล้านปอนด์

โดย ริชาร์ด คีย์ ผู้สื่อข่าวสื่อดังจาก สกาย สปอร์ต ได้ออกมายืนยันว่าทีมปีศาจแดงสามารถปิดดีลในการคว้าตัวกองหน้าชาวอุรุกวัยได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทีมปีศาจแดงพร้อมทุ่มเงินถึง 80 ล้านปอนด์ในการคว้าตัวในครั้งนี้เหลือเพียงแค่เจ้าตัวตอบตกลงเท่านั้นแม้ทีมปีศาจแดงส่อที่จะไม่ได้ไปเล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีกในปีหน้าก็ตาม แต่เจ้าตัวอาจตัดสินใจเข้ามาร่วมทัพด้วยเงินที่มหาศาลนี้ก็เป็นได้

ก่อนหน้านี้”เอดิสัน คาวานี่”ก็ตกเป็นข่าวเมื่อเดวิด มอยส์ แสดงความสนใจอยากได้ตัวไปร่วมทัพแทนที่ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าที่เริ่มมีปัญหากับทีมและส่อแววอำลาทีมหลังสิ้นฤดูกาลนี้ถ้าหากปีศาจแดงคว้าดาวยิงอุรุกวัยเข้ามาร่วมทัพจริง

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีกอัพเดทล่าสุดได้ที่ : http://sport.sanook.com/football/premierleague/