วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สรุปผลงาน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2013-14

สรุปผลงานพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2013-14
ข่าวพรีเมียร์ลีก : ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-14 (นัดสุดท้าย) ก็ได้ปิดฉากลงไปแล้ว แบบไร้ปาฏิหาริย์ใดๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะพลิกชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1ก็ตาม แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่พลาด หลังคว้าชัยเหนือ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 2-0 คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 4 ให้สโมสรไปครองได้สำเร็จ

ส่วนทีมใดจะได้รองแชมป์, ทีมตกชั้น, ทีมเลื่อนชั้น ทีมที่ได้โค้วต้าแชมป์เปี้ยนลีก และ ยูโรป้าลีก สรุปดาวซัลโว เราไปดูกันเลยดีกว่า...

2013-2014 ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก


บทสรุปผล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013/2014

ทีมไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกรอบแบ่งกลุ่ม
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (แชมป์พรีเมียร์ลีก)
- ลิเวอร์พูล (รองแชมป์)
- เชลซี (อันดับ 3 ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก)

ทีมไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก รอบเพลย์ออฟ
- อาร์เซน่อล (อันดับ 4)

ทีมไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบเพลย์ออฟ
-เอฟเวอร์ตัน(อันดับ 5)

ทีมไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบคัดเลือก
- ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (อันดับ 6)

*ส่วน ฮัลล์ ซิตี้ มีสิทธิ์ได้ไป ยูฟ่า ยูโรป้าลีก แต่ต้องคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ จะได้เข้ารอบแบ่งกลุ่มทันที แต่หากได้แค่รองแชมป์ต้องเริ่มจากรอบเพลย์ออฟหรือรอบคัดเลือก*

ทีมตกชั้น
- นอริช ซิตี้ (อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 18)
- ฟูแล่ม (อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 19)
- คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ (อันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 20)


ทีมที่ได้เลื่อนขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีก
- เลสเตอร์ (อันดับ1แชมเปี้ยนชิพ)
- เบิร์นลี่ย์ (อันดับ2แชมเปี้ยนชิพ)
*ส่วนทีมที่สาม(อีกหนึ่งทีม) ต้องรอทีมชนะรอบเพลย์ออฟ ระหว่างทีมอันดับที่ 3, 4, 5, 6


สรุปผลดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013/2014

อันดับ 1 : หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล) 31 ประตู
อันดับ 2 : เดเนียล สเตอร์ริดจ์ (ลิเวอร์พูล) 21 ประตู
อันดับ 3 : ยาย่า ตูเร่ (แมนฯ ซิตี้) 20 ประตู
อันดับ 4 : แซร์จิโอ อเกวโร่(แมนฯ ซิตี้), เวย์น รูนี่ย์(แมนฯ ยูไนเต็ด), วิลฟรีด โบนี่(สวอนซี) 17 ประตู
อันดับ 5 : โอลิวิเยร์ ชิรูด์(อาร์เซน่อล), เอดิน เซโก้(แมนฯ ซิตี้) 16 ประตู
อันดับ 6 : เจย์ โรดริเกซ(เซาแธมป์ตัน), โรเมลู ลูกากู(เอฟเวอร์ตัน) 15 ประตู
อันดับ 7 : เอแด็ง อาซาร์(เชลซี), โลอิค เรมี่(นิวคาสเซิ่ล) 14 ประตู


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

นักเตะสุดคุ้ม พรีเมียร์ลีก อังกฤษฤดูกาลนี้

10 นักเตะสุดคุ้มพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2013-2014

ข่าวพรีเมียร์ลีก :10 อันดับนักเตะที่เล่นคุ้มค่าตัว จนพาต้นสังกัดผลงานดีติดลมบน เรียกว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์เลยทีเดียว

10.วิลเลี่ยน (เชลซี)เชลซีมาแรงแซงทางโค้งด้วยการปาดหน้าสเปอร์ส ด้วยการทุ่มเงิน 32 ล้านปอนด์ให้ทีมอันจิ มาคัชคาล่า ยอมตกลงขายให้สิงห์บลู ทำให้สเปอร์สต้องเดินแผนสองด้วยการไปคว้าคริสเตียน อิริกเซ่น มาเสริมทีมแทน ฟอร์มของวิลเลี่ยนใน พรีเมียร์ลีก ดีวันดีคืน จนเป็นผู้เล่นที่เชลซีขาดไม่ได้
9.เดยัน ลอฟเรน (เซาธ์แฮมตัน)
เซาธ์แฮมตัน ทุ่มเงิน 8.5 ล้านปอนด์ เพื่อกระชากปารการหลังชาวโครแอตมาร่วมทีมจากลียง และเดยัน ลอฟเรน ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การมาของเขาช่วยให้แผงหลังของนักบุญแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8.อัลวาโร่ เนเกรโด (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมทุ่มเงิน 20.6 ล้านปอนด์ เพื่อให้เซบีญ่า คายดาวยิงหน้าเข้มรายนี้ และเนเกรโด ก้ไม่ทำให้เรือใบผิดหวังทำผลงานยิงทะลุทะลวง ลงให้เรือใบใน พรีเมียร์ลีก 51 นัด ยิงไป 26 ประตูเลยทีเดียว
7.เจมส์ แม็คคาร์ธี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน)
เอฟเวอร์ตัน จ่ายค่าสินสอดสู่ขอ เจมส์ แม็คคาร์ธีย์ กองกลางดาวรุ่งจากทีมร่วม พรีเมียร์ลีก วีแกน ด้วยจำนวนเงิน 12 ล้านปอนด์ ผลงานปีแรกกับเอฟเวอร์ตัน เขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมท็อฟฟี่คว้าตั๋วไปลุยยุโรปฤดูกาลหน้า
6.เนมานย่า มาติช (เชลซี)
เชลซีต้องทุ่มเงินดึงเด็กเก่ารายนี้มาร่วมทัพอีกครั้งด้วยค่าตัว 21 ล้านปอนด์ ในช่วงที่กองกลางของทีมอ่อนปวกเปียก การมาของมาติช ทำให้แผงกองกลางของเชลซี ตัดบอลและครองบอลได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จัดว่าเป็นนักเตะสไตล์ที่มูรินโญ่ชื่นชอบ

5.โลอิก เรมี่ (นิวคาสเซิล)
เรียกว่าคุ้มจริงๆสำหรับนิวคาสเซิล กับสัญญายืมตัว 1 ปี ของ โลอิก เรมี่ กองหน้าชาวฝรั่งเศสจากควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ ที่วัดให้นิวคาสเซิลในพรีเมียร์ลีก 14 ประตู จากการลงสนาม 29 นัด

4.วิลฟรีด โบนี่ (สวอนซี)
หงส์ขาวทุ่มเงิน 12 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสโมสรเพื่อดึงกองหน้าผิวสีรายนี้มาร่วมทัพ และดาวยิงชาวไอวอรี่โคสต์ก็ระเบิดฟอร์มพังประตูไป 24 ลูก จากการลงสนาม 47 นัด

3.เจสัน พันเชียน (คริสตัล พาเลซ)
ถูกเซาธ์แฮมตันปล่อยให้คริสตัล พาเลซ ยืมตัว 1 ฤดูกาล ปีกร่างเล็กเลือดผู้ดีรายนี้ช่วยนำทีมพาเลซ หนีโซนตกชั้นได้สำเร็จ และอาจจะติดธงสิงโตคำรามไปลุยฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลอีกด้วย เพราะฟอร์มครึ่งซีซั่นพรีเมียร์ลีกหลังของเจ้าตัวนั้นดีจริงๆ

2.โรเมลู ลูกากู (เอฟเวอร์ตัน)
เป็นการยืมตัว 1 ฤดูกาลที่คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มของเอฟเวอร์ตันเลยทีเดียว ลูกากู ระเบิดฟอร์มยิงเป็นกอบเป็นกำ ทำให้เอฟเวอร์ตันคว้าตั๋วไปลุยยุโรปฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ ลงสนามให้เอฟเวอร์ตัน 37 นัด ยิงไป 17 ประตู
1.เฟอร์นานดินโญ่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
จำนวนเงิน 30 ล้านปอนด์ที่เรือใบสีฟ้ายื่นให้ ชัคเตอร์ โดเน็ตส์ค หลายคนมองว่าเป็นการซื้อที่แพงเกินไปเพราะอายุของเจ้าตัวนั้นเข้าใกล้เลขสามแล้ว แต่เฟอร์นานดินโญ่ ก็ไม่ได้สนใจคำครหา ทำผลงานกับเรือใบได้เป็นอย่างดี และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ต้นสังกัด จ่อชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนี้



ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อาดิดาสจ่อทุบสถิติโลกหนุนผีปีละ3.3พันลบ. แม้ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ของทีมจะไม่สู้ดี

อาดิดาสจ่อทุบสถิติโลกหนุนผีปีละ3.3พันลบ.

ข่าวพรีเมียร์ลีก : "อาดิดาส" เตรียมทุ่มงบประมาณสนับสนุนชุดแข่ง "ปิศาจแดง" ด้วยราคาทุบสถิติโลก ปีละ 3.3 พันล้านบาท หลังใกล้หมดสัญญา "ไนกี้" ในเดือนมิ.ย. 2015

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่ในระหว่างเจรจากับ อาดิดาส บริษัทเครื่องกีฬายักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมัน เรื่องการเข้ารับหน้าที่ผู้สนับสนุนชุดแข่งและอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจะเริ่มต้นในฤดูกาล 2015/16 ด้วยราคาทุบสถิติโลก ปีละ 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,300 ล้านบาท) แม้สถานภาพใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ของทีมจะไม่สู้ดี และน่าจะจบฤดูกาลในอันดับที่ 7

"ปีศาจแดง" ได้รับเงินสนับสนุนจาก "ไนกี้" ตามสัญญาที่จะหมดลงในเดือนมิ.ย. 2015 เป็นเวลา 10 ปี รวม 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 16,500 ล้านบาท) ซึ่ง "อาดิดาส" พร้อมจะทุ่มงบประมาณมากกว่าสปอนเซอร์เจ้าปัจจุบันถึง 2 เท่า โดยรายงานจาก "เดลี่ เมล์" สื่อจอมแฉแดนผู้ดีระบุว่า ผู้บริหารเครื่องกีฬาตรา 3 ขีดเพิ่งเดินทางมาเจรจากับ เอ็ด วู้ดวาร์ด ซีอีโอของทีมดังในพรีเมียร์ลีก ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ทั้งนี้ ยังมี "วอร์ริเออร์ สปอร์ต" ที่พร้อมจะเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกัน หากการเจรจากับ "อาดิดาส" ล้มเหลว แต่หากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี สโมสรชั้นนำ พรีเมียร์ลีก จะสามารถเซ็นสัญญาเพิ่มเติมกับ ยูนิโคล่ เสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นได้ในฐานะสปอนเซอร์แฟชั่นชุดลำลอง


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ช็อกยิ่งกว่าช็อก! หงส์นำ3เม็ดไม่ชนะ พาเลซฮึดตีเจ๊า3-3

ช็อก! หงส์นำ3เม็ดไม่ชนะ พาเลซฮึดตีเจ๊า3-3

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดรองสุดท้ายของฤดูกาล แข่งขันคืนวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2557 เป็นการพบกันระหว่าง "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ ทีมอันดับ 11 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก มีอยู่ 43 คะแนน เปิดสนาม เซลเฮิร์สท์ พาร์ค รับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก มีอยู่ 80 คะแนน โดยการพบกันครั้งแรกในฤดูกาลนี้ "หงส์แดง" เอาชนะมาได้ 3-1

เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 8 ลิเวอร์พูล มีโอกาสลุ้นประตูขึ้นนำ จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เจอร์ราร์ด เปิดเข้าเขตโทษให้ มามาดู ซาโก้ ขึ้นโหม่งคนเดียวโล่งๆ แต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

น.15 โอกาสของ ลิเวอร์พูล มาอีกครั้ง โจ อัลเลน ตักบอลข้ามแนวรับ พาเลซ ให้กับ เกล็น จอห์นสัน หลุดกัปดักล้ำหน้าขึ้นโขกบอลหนีมือ จูเลียน สเปโรนี่ แต่ไปตกหลังคาน

น.18 พลพรรค "หงส์แดง" ทะลงแนวรับเจ้าถิ่นสำเร็จ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เจอร์ราร์ด เปิดโค้งไปที่เสาสองให้ โจ อัลเลน ยืนโหม่งแบบโล่งๆ คนเดียว ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

น.35 โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดในเกมของ พาเลซ เกิดขึ้นจากจังหวะที่ ไมล์ เยดินัค ได้จังหวะตั้งป้อมยิงไกลร่วม 30 หลา บอลพุ่งเข้ากร อบ ซิมง มินโญเลต์ ต้องออกแรงปัดทิ้งออกหลัง

หมดครึ่งแรก ลิเวอร์พุล บุกมานำ พาเลซ 1-0

ครึ่งหลังเริ่มถึงนาที 53 สาวก "เดอะ ค็อป" ได้เฮลั่นอีกครั้งเมื่อ ลิเวอร์พูล มาได้ประตูนำเป็น 2-0 จากจังหวะที่ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เก็บบอลได้ที่หน้าเขตโทษ ก่อนแต่งยิงด้วยซ้าย บอลแฉลบขาแนวรับเจ้าถิ่นเข้าไป

น.55 สกอร์ไหลไปอีกลูกในเวลาไม่นาน ลิเวอร์พูล ทิ้งห่างไปเป็น 3-0 จากเกมสวนกลับเร็ว หลุยส์ ซัวเรซ ป้ายบอลออกฝั่งซ้ายให้ สเตอร์ลิง ก่อนเคาะเข้าเขตโทษให้ ซัวเรซ วิ่งโฉบเข้าไปแปด้วยซ้ายมุมแคบ บอลลอดหว่างขา จูเลียน สเปโรนี่ เข้าประตูไป

น.76 แนวรับ พาเลซ เล่นกันพลาด ดิ๊คกาชอย จ่ายบอลคืนหลังมาเข้าทาง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แต่งยิงด้วยขวา แต่ไปติดบล็อกกองหลัง พาเลซ

น.79 แฟนบอลเจ้าถิ่นมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่ พาเลซ ทวงประตูไล่มาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ เดเมียน เดลานี่ย์ ตั้งป้อมยิงไกลจากหน้าเขตโทษ บอลแแลบหน้าอก เกล็น จอห์นสัน พุ่งเสียบสามเหลี่ยมชนิดที่ มินโญเลต์ หมดสิทธิ์ป้องกัน

น.81 "ปราสาทเรือนแก้ว" ได้เฮลั่นติดๆ กัน ทวงประตูไล่จี้มาเป็น 2-3 จากจังหวะที่ ยานนิค โบลาซี่ กระชากบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายเข้ากลางให้ ดไวท์ เกย์ล ตัวสำรองแปบอลเปลี่ยนทางเข้าไปเสียบมุม

น.88 เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เสียงเชียร์ดังลั่น เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เมื่อ พาเลซ มาได้ประตูตีเสมอเป็น 3-3 จากการประสานงานของสองตัวสำรอง เกล็นน์ เมอร์เรย์ พักอกต่อให้ ดไวท์ เกย์ล หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงด้วยซ้ายเข้าไปเป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัว

จบเกม ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงแค่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 3-3 เก็บได้แค่ 1 คะแนน มีเพิ่มเป็น 81 คะแนน แซง แมนฯ ซิตี้ 1 แต้มขึ้นไปรั้งจ่าฝูงชั่วคราว ซึ่งทีม "เรือใบ" มีโปรแกรมที่จะเจอกับ แอสตัน วิลล่า ในวันพุธที่ 7 พ.ค.นี้ ขณะที่ "หงส์แดง" เหลือโปรแกรมนัดสุดท้ายเจอกับ นิวคาสเซิ่ล ในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.นี้ ส่วนนัดสุดท้ายของแมนฯซิตี้ จะเปิดบ้านพบ เวสแฮม ยูไนเต็ด
คลิกชมภาพต่อไป
รายชื่อผู้เล่น คริสตัล พาเลซ
จูเลียน สเปโรนี่ - เดเมียน เดลานี่ย์, อาเดรียน มาเรียปปา, สกอตต์ แดนน์, โจเอล วอร์ด - เจสัน ปันเชียน (ดไวท์ เกย์ล น.64), คากิโช่ ดิ๊คกาชอย (ทอม อินซ์ น.85), ไมล์ เยดินัค, ยานนิค โบลาซี่ - โจ เลดลี่ย์ - มารูยาน ชามัค (เกล็นน์ เมอร์เรย์ น.71)
สำรองไม่ได้ใช้
เวย์น เฮนเนสซี่ย์ - แดนนี่ แก็บบิดอน, โจนาธาน พาร์ร, สจ๊วร์ต โอคีเฟ่

รายชื่อผู้เล่น ลิเวอร์พูล
ซิมง มินโญเลต์ - เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้, จอน ฟลานาแกน - สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลวา, โจ อัลเลน - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, หลุยส์ ซัวเรซ, ราฮีม สเตอร์ลิง (ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น.78)
สำรองไม่ได้ใช้
แบร็ด โจนส์ - แดเนี่ยล แอ็กเกอร์, โคโล่ ตูเร่, อาลี ซิสโซโก้, วิคเตอร์ โมเซส, ยาโก้ อัสปาส

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก
คลิกชมภาพต่อไป
ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เปเยลั่นงานไม่จบแม้เรือขึ้นจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

เปเยลั่นงานไม่จบแม้เรือขึ้นจ่าฝูง 

ข่าวพรีเมียร์ลีก : เปเยกรินี่ โล่งอก พา "เรือใบสีฟ้า" เก็บ 3 แต้มสุดหินจากรัง "ทอฟฟี่" ชี้ภารกิจยังไม่จบ แม้ตอนนี้จะแซง "หงส์แดง" ทะยานขึ้นจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก


มานูเอล เปเยกรินี่ ผู้จัดการทีมมากฝีมือของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเศรษฐีแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป่าปากโล่งอก หลังพาพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" บุกไปเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ยอมรับเป็น 3 คะแนนสุดล้ำค่า เพราะกว่าจะบุกมาเฉือน "ทอฟฟี่" คาบ้านได้เลือดตาแทบกระเด็น แต่เตือนสติลูกทีมภารกิจยังไม่จบ แม้ตอนนี้จะทะยานขึ้นจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เนื่องจากมีเกมเหลืออีก 2 นัดให้ลงแข่ง

กุนซือชาวชิลี ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า "มันเป็นก้าวสำคัญมากๆ เพราะการมาเยือน เอฟเวอร์ตัน เป็นงานที่ยากลำบากจริงๆ อย่างที่คุณเห็นได้จากผลงานการเจอกันในอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นคือ ความคิดเรื่องที่ว่าเราคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ชัวร์ๆ แล้ว เราต้องเจอกับ แอสตัน วิลล่า และ เวสต์แฮม อีก ซึ่งพวกเขาไม่มีลุ้นอะไรแล้ว และอาจเล่นแบบไร้แรงกดดัน เราต้องชนะนัดที่เหลือให้ได้แล้วค่อยมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

"เราเป็นฝ่ายชนะและนั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด วันนี้เราต้องเจอกับความกดดันมหาศาล เราเล่นกันได้ดี จนกระทั่งเราโดนไล่มาเป็น 2-3 ตอนนั้นเหมือนเรากังวลกันมากไปหน่อย เราเริ่มต้นด้วยการตามหลังคู่แข่ง จากนั้นก็ยิงประตูคืนเพื่อกลับมาสู่เกม เราคุมเกมได้และยิงได้ถึง 3 ประตู และคว้าชัยชนะมาได้"

จากผลงานดังกล่าวทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ทะยานขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ด้วยผลงาน 80 คะแนนจาก 36 นัด เท่ากับ ลิเวอร์พูล แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำประตูได้เสียดีกว่า ในขณะที่ "หงส์แดง" มี โปรแกรมพรีเมียร์ลีก จะลงสนามด้วยการบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ในคืนวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคมนี้


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ว่าที่ 5 แข้งใหม่-ถูกโละทิ้ง รั้วสิงห์บลูส์ ที่จะพาทีมลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า

ว่าที่ 5 แข้งใหม่-ถูกโละทิ้ง รั้วสิงห์บลูส์ 

ข่าวพรีเมียร์ลีก : ภายหลังที่เชลซีตกรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยแพ้แอตเลติโก้ มาดริด คาบ้าน ได้เกิดคำถามขึ้นว่า นักเตะชุดปัจจุบันของเชลซีนั้นดีพอที่จะประสบความคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสำเร็จหรือไม่


โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือมาดกวนของเชลซี ก็ได้ประกาศมาแล้วว่า ฤดูกาลหน้านั้น เชลซีจะผ่าตัดเสริมทีม พร้อมโละนักเตะเก่าทิ้ง เพื่อกลับมาไล่ล่าแชมป์ทั้งใน พรีเมียร์ลีก และ UCL ให้กับสโมสรให้ได้ วันนี้เราจะมาดู 5 ว่าที่นักเตะใหม่ จะมีใครบ้างและ 5 นักเตะส่อโดนโละของเชลซี ในช่วงซัมเมอร์นี้

5 นักเตะที่ตกเป็นเป้าหมายของเชลซี
1.ดิเอโก้ คอสต้า กองหน้า แอตเลติโก้ มาดริด
คอสต้า ในฤดูกาลนี้โชว์ฟอร์มคงเส้นคงวา ผลิดประตูได้เป็นกอบเป็นกำกับทีมตราหมี มีร่างกายที่แข็งแกร่ง สไตล์การเล่นเป็นที่ชื่นชอบของมูรินโญ่เหมาะกับเกมที่หนักแบบในพรีเมียร์ลีก

2.ฮาคาน คัลฮาโนกลู กองกลาง ฮัมบูร์ก
จอมทัพดาวรุ่งของ 'สิงห์เหนือ' ฮัมบูร์ก โชว์ฟอร์มโดดเด่นจนเป็นที่เตะตาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป ฝีเท้าถูกเปรียบเปรยว่าเป็น โอซิล คนต่อไป

3.อัลเบอร์โต้ โมเรโน่ แบ๊กซ้าย เซบีญ่า
แบ๊กซ้ายจอมบุกของเซบีญ่า จะเข้ามาแทนที่แอชลีย์ โคล ที่โรยราลงไป ผลงานกับเซบีญ่าคงเส้นคงวา เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญ ช่วยพาต้นสังกัดเข้าชิงยูฟ่า ยูโรปา ลีก ในปีนี้

4.เปาลินโญ่ กองกลาง สเปอร์ส
กองกลางชาวแซมบ้า เด่นทั้งรุกและรับ เป็นผู้เล่นที่ช่วยทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้อย่างมาก แต่มีโอกาสไม่น้อยที่มิดฟิลด์รายนี้จะย้ายเข้ามาสู่สิงห์บลูส์

5.ลาซาร์ มาร์โควิช กองกลาง เบนฟิก้า
เป็นนักเตะดาวรุ่งชาวเซอร์เบียที่เล่นได้หลายตำแหน่งมากๆในแนวรุก สามารถเล่นริมเส้นได้ทั้งสองฝั่ง แถมยังเล่นกองหน้าได้อีกด้วย

5 นักเตะที่เชลซีจะโละทิ้งซัมเมอร์นี้
 
1.เฟร์นานโด ตอร์เรส
เจ้าของค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ไม่สามารถผลิตประตูให้คุ้มกับค่าเหนื่อยที่ได้รับ กลายร่างจากกองหน้าสุดอันตรายเป็นดาวยิงเป้าสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

2.เดมบ้า บา
ศูนย์หน้าร่างยักษ์ไม่เป็นที่ชื่นชอบของมูรินโญ่เอาซะเลย พรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของมูรินโญ่อีกด้วย
3.ซามูเอล เอโต้
ดาวยิงมากประสบการณ์ ย้ายมาอยู่กับเชลซีเป็นฤดูกาลแรก ทำผลงานยังไม่ค่อยดีนัก บวกกับอายุที่มากขึ้น ทำให้เชลซีต้องโละออกจากทีมไป

4.ดาวิด ลุยซ์
ปราการหลังหัวฟูชาวแซมบ้า ถูกโละออกจากทีมไปในซัมเมอร์นี้ด้วยเหตุผลทางธุรกิจล้วนๆ เนื่องจากลุยซ์ตกเป็นเป้าหมายของทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป คาดว่าค่าตัวตกอยู่ที่ 30 ล้านปอนด์

 
5.โรเมลู ลูกากู
ศูนย์หน้าฟอร์มร้อนแรงที่ถูกเอฟเวอร์ตัน ยืมตัวไป ผลิตสกอร์อย่างเป็นกอบเป็นกำ จนเอฟเวอร์พาทีมขึ้นมาลุ้นอันดับตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกได้แต่มีหลายทีมพร้อมทุ่มเงินเพื่อดึงตัวนักเตะรายนี้ไป

เมฆา



ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ในพรีเมียร์ลีกก็มี! หงส์สอบภายในหลังถูกแฉเหยียดผิวบา

หงส์สอบภายในหลังถูกแฉเหยียดผิวบา

ข่าวพรีเมียร์ลีก : ''หงส์แดง'' สอบภายในหลังเกม พรีเมียร์ลีก มีแหล่งข่าวแอบกระซิบว่า มีแฟนบอลปากมอมตะโกนเหยียดผิวใส่ เดมบ้า บา แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ยินก็ตาม


ลิเวอร์พูล สโมสรจ่าฝูงแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตกเป็นข่าวว่ากำลังมีการสอบสวนภายในสโมสร หลังจากมีการอ้างว่า เดมบ้า บา หัวหอกของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่เพื่อนร่วม พรีเมียร์ลีก ถูกตะโกนในทำนองเหยียดผิวใส่ใน โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่ทัพ"หงส์แดง" แพ้คารัง แอนฟิลด์ ให้กับ "สิงโตน้ำเงินคราม" 0-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา แม้ว่าดาวยิงทีมชาติเซเนกัลจะไม่ได้ยินเสียงดังกล่าวก็ตาม

โครงการ Kick It Out ที่ริเริ่มจัดทำแคมเปญรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิวในวงการฟุตบอลอังกฤษ รายงานข้อมูลจากทวิตเตอร์เกี่ยวกับแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนว่า "เราได้ยื่นเรื่องไปยังสโมสร ลิเวอร์พูล และในตอนนี้พวกเขาก็ทำการสอบสวนเป็นการภายในเรียบร้อยแล้ว"

ในขณะที่โฆษกของ ลิเวอร์พูล ก็ออกมาขานรับนโยบายต่อต้านการเหยียดผิว ด้วยการแถลงการณ์ว่า "เราได้รับรู้ถึงข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว และเราจะทำการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป"




ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557

Giggs My Boss ผู้กุมชะตากรรมผีแดง ในโปรแกรมพรีเมียร์ลีกที่เหลืออยู่

Giggs My Boss 

ก็ไม่รู้ซินะ! ความรู้สึกของสาวกพันธุ์ "ปีศาจแดง" ทุกคนจะเป็นเหมือนกันกับผมรึเปล่า ...
ทั้งปลาบปลื้มใจ ทั้งอิ่มเอมใจ หัวใจพองโต น้ำตาคลอเบ้า ทั้งหมดทั้งมวลรวมแล้วคือ "ความสุข" ในทุกๆ ภาพบรรยากาศที่เกิดใน โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่ ถลุง นอริช ซิตี้ 4-0

ความสุขดังว่าหาใช่ใครคนนั้น (เดวิด มอยส์) โดนตัดเยื่อไม่เหลือใย หากแต่ไฮไลท์สำคัญคือการเขียนฝันให้เป็นจริงแด่ผู้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานของทีมอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ขึ้นแท่นนายใหญ่คุมทีมข้างสนามเป็นครั้งแรกในชีวิต

มิเพียงเท่านั้น "ปีกพ่อมดแห่งเวลส์" ยังรวบรวมกำลังพลอดีตเพื่อนร่วมรุ่นห้องเรียนปี 92 (Class Of '92) ทั้ง พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ ผนึกกำลังกับ ฟิล เนวิลล์ แท็กทีมคืนความสุขสู่มวลมหาประชาผี


กิ๊กส์ นำขบวน พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์ นำทีมฝ่าวิกฤต

เป็นภาพงานคือสู่เหย้าที่แสนจะชื่นมื่น อดีตเด็กน้อยในวันนั้น กลับมาผนึกกำลังร่วมกันทำงานเพื่อนำทีมผ่านพ้นวิกฤตใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลอันแสนย่ำแย่ โดยมี ไรอัน กิ๊กส์ เป็นหัวหน้าหมู่

จะว่าไปในฐานะที่ยังมีพันธสัญญาเป็นนักเตะ กิ๊กส์ ดูเหมือนจะอ่อนประสบการณ์งานด้านโค้ชด้อยกว่าเพื่อนอีก 3 ราย แต่ในด้านการยอมรับพักพวกยกให้ กิ๊กส์ เป็นเบอร์หนึ่ง และเป็นพี่ใหญ่ในฐานะที่มีพรรษามากกว่า

ในขณะที่ นิคกี้ บัตต์ ได้ชิมลางงานโค้ชก่อนใครในบทบาทกุนซือ "ผีแดง" ยู 19 โดยมี พอล สโคลส์ ติดสอยห้อยตามช่วยดูแลเสมือนมือขวา เช่นเดียวกับ เนวิลล์ ผู้น้อง ที่คืนสู่รังเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์ยุค มอยส์ มาแล้วตลอด 10 เดือน


นั่งคุมทีมข้างสนามครั้งแรกในชีวิต

แต่กระนั้น ประสบการณ์การผ่านร้อนผ่านหนาวในบทบาทนักเตะมาเกือบ 24 ปีเต็ม จนได้ชื่อว่าเป็น "The Man For All Season" บวกกับความจงรักภักดีที่มีแก่สโมสรที่เจ้าตัวอยู่ยั้งยืนยาวมาตั้งแต่อายุ 14 ขวบ ไม่มีข้อสงสัยใดๆ กับตำแหน่งที่ได้รับ

การได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกุนซือชั่วคราวในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อาจดูเหมือนเป็นการมอบรางวัลตอบแทนความซื่อสัตย์ มัธยัสถ์ อดออม ที่ กิ๊กส์ มีให้แก่ แมนฯ ยูฯ แต่หากมองในแง่จิตวิทยา การสร้างแรงจูงใจให้แก่แข้งรุ่นน้อง "ป๋ากิ๊กส์" คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด อันจะเห็นได้จากเกมคุมทีมประเดิมเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ถล่ม "นกขมิ้น" 4-0

ไม่ใช่เพราะสกอร์ที่ขาดกระจุย ไม่ใช่เพียงเพราะการเจอทีมที่ห่างชั้นกว่า แต่ทัศนะคติที่เปลี่ยนไปของบรรดาแข้ง "ผีแดง" คือความชัดเจนที่เด่นชัดขึ้นมามากกว่า 10 เดือนก่อนหน้านี้


ลีลาการคุมทีมข้างสนามของ ไรอัน กิ๊กส์

การปรับหมากมาเล่นในระบบ 4-4-2 ตั้งแต่ต้นเกม เป็นงานชิ้นแรกที่ "ป๋ากิ๊กส์" นำกลับคืนสู่ทีมอย่างที่ปราศรัยสั้นๆ ต่อหน้าผองแข้ง "ปีศาจแดง" ในวันรับงาน "เราจะกลับมาเล่นกันในแบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง"

ปฏิกิริยาตอบรับที่ได้จากนักเตะก็ชัดเจน บรรดาแข้งเลือด "ปีศาจ" ในคอนโทรล "ปีกพ่อมด" บึ่งตะลุยไปข้างหน้าด้วยสปีดความเร็วทะลุร้อย โดยมีความกระหายเป็นยาเร่ง กระตุ้นพลังงานบางอย่างออกมาสู่สายตา "เร้ด อาร์มี่"

เกมริมเส้นกลับมามีบทบาทสำคัญในแผนงานกุนซือหน้าใหม่ 3 ใน 4 ประตูที่ได้มาจากการเปิดจากด้านข้าง (รวมกับจุดโทษที่ได้) เสมือนกับภาพเดิมๆ สมัย "เซอร์เฟอร์กี้" คุมทีม กลับมาให้แฟนบอลได้แช่มชื่นอีกครั้งหนึ่ง

รูนี่ย์ - มาต้า ช่วยกันยิงคนละ 2 ประตู

ซึ่งกุนซือใหม่วัย 40 กระรัตไม่ปฏิเสธแต่อย่างใดว่าได้โทรปรึกษาขอคำแนะนำจากบุคคลผู้เปรียบเสมือน ดังพ่ออีกคน ว่าสิ่งใดควรจะทำหลังจากนี้ และสิ่งใดที่แฟนบอลคาดหวังอยากได้เห็น

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่เหลืออีก 3 เกมกับ ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า), ฮัลล์ ซิตี้ (เหย้า) และ เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน) ภายใต้การทำทีมของ ไรอัน กิ๊กส์ จะเป็นอีกเครื่องพิสูจน์ว่า "ผีแดง" ในยุคนี้ จะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า

ส่วนประเด็นกุนซือถาวรที่จะมีการแต่งตั้งขึ้นมาทำทีมในฤดูกาลหน้า เจอร์เก้น คล็อปป์ ชื่อเบอร์ต้นๆ ชิงปฏิเสธรับเผือกร้อนไปแล้วก่อนหน้า มีเพียง หลุยส์ ฟาน กัล คือเสียงที่ดังก้องและเป็นไปได้มากที่สุด ณ ขณะนี้

ความเหมือนในเวลาต่าง

แน่นอนว่า ฟาน กัล ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ จัดว่าเป็นกุนซือมากฝีมือผู้สามารถเสกความสำเร็จในรูปแบบถ้วยรางวัลให้กับทุกสโมสรที่เจ้าตัวคุมมา (อาแจ็กซ์, บาร์ซ่า และ บาเยิร์น) เช่นเดียวกับ แมนฯ ยูฯ หากการแต่งตั้งนั้นเกิดขึ้นจริง

แต่หากมองภาพในระยะยาว ทั้งทิศทางของทีม, แผนพัฒนาด้านต่างๆ รวมถึงระบบเยาวชน หากกับ ฟาน กัล ผู้ที่เปรียบเสมือนเรือจ้าง นำทีมประสบความสำเร็จแล้วก็จากไปในอดีต กับสโมสรที่เน้นในเรื่องของการวางรากฐานระยะยาวอย่าง แมนฯ ยูฯ ดูจะเข้ากันได้ไหมยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

โดยส่วนตัวทั้งในฐานะสาวกผู้จงรัก เช่นเดียวกับมี "กิ๊กส์ เป็นไอดอล" ยังมองถึงการสานงานต่อจาก "ป๋ากี้" โดยไร้รอยต่อ คือแนวทางที่ต้องก้าวเดินแบบไม่ต้องมีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้องให้ประวัติศาสตร์ของทีมมีรอยด่าง มองเคส เดวิด มอยส์ เป็นบทเรียน


เพราะฉะนั้นแล้ว ตามมุมมองที่ไม่ค่อยจะเอนเอียง ไรอัน กิ๊กส์ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดในการปลุกผีคืนจากหลุม นำความกระเหี้ยนกระหือรือกลับคืนร่างแข้ง "อสูร"
สาวก "ผีแดง" หลายท่านอาจมีความเห็นหลายหลากแต่งต่างกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา แค่อยากให้รู้ว่า "Giggs My Boss" ชื่อนี้ คือที่หนึ่งในใจฉัน

-จ่าตุ๊-


 ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก นัดชี้ชะตาแชมป์ : แบบ ลับ ลวง พราง?

เอกราช เก่งทุกทาง : ลับ ลวง พราง?
ข่าวพรีเมียร์ลีก : ชีวิตในโลกลูกหนังเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขณะที่ แมนฯยูไนเต็ด ตกสุดสุด จนต้องปลด เดวิด มอยส์ ทีมคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล กำลังจะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก หนแรกในรอบ 24 ปี

อาทิตย์นี้ถ้าชนะ เชลซี ได้ หงส์แดงแชมป์ พรีเมียร์ลีก แน่ๆ แม้จะเหลืออีก 2 นัด อันดับใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ก็ไม่อันตรายอะไรแล้ว
แต่เกมกับเชลซีเหมือนกับดักลับ ลวง พราง ตอนแรกทำท่าว่าจะยาก เพราะต่างฝ่ายต่างลุ้นแชมป์ พอ โชเซ่ มูรินโญ่ ออกข่าวว่าจะเก็บตัวจริงไว้เจอ แอตเลติโก้ มาดริด วันพุธ ความได้เปรียบก็เทไปอยู่ทางลิเวอร์พูล
ตรงนี้แหละหงส์แดงต้องระวัง เพราะเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ จะยากจะง่ายไม่มีใครรู้ เชื่อคำพูดมูรินโญ่ได้ไหม เชลซีจะเอาชุดไหนลงเล่นกันแน่
ผมว่ากุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกลียดเกมแบบนี้แน่นอน
ถ้าเจอเชลซีแบบฟูลทีม ตัวเก่งลงหมด เผลอๆ อาจง่ายกว่า เพราะรู้ว่าจะเตรียมตัวยังไง วางหมากรับมือแบบไหน แล้วพวกตัวจริงกับตัวจริงเจอกัน ก็รู้ทางกันมากกว่า ไม่เหมือนลงไปเตะกับตัวสำรองหรือเด็กดาวรุ่งที่ไม่เคยเห็นฝีเท้ามาก่อน แถมพวกนี้ยังสด วิ่งเป็นม้าอีกต่างหาก
ผมเป็นห่วงแทนลิเวอร์พูล เพราะรู้ว่ามูรินโญ่ละเอียดล้ำลึกขนาดไหน พูดเหมือนจะยอมรับสภาพว่าเลิกลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่คุณเชื่อหรือว่าคนอย่างจ่ามูจะยอมแพ้ง่ายๆ ยอมส่งทีมลงไปให้คู่แข่งถลุงเล่น
แล้วที่บอกว่าจะใช้นักเตะชุดสอง เขาก็บอกแค่จะให้ตัวที่ไม่ได้เล่นในเกมวันพุธหน้าสลับลงเตะที่แอนฟิลด์ ไม่ได้พูดชัดเจนเลยว่าจะเลือกตัวสำรองล้วนๆ หรือเด็กโนเนมมากๆ ลงสนาม
ที่แน่ๆ คือ ชุดสองของเชลซียังมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด กับ จอห์น โอบี มิเคล ที่ติดโทษแบนในบอลยุโรป มี เนมันย่า มาติช กับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่ติดคัพไท เดมบ้า บา กับ อังเดร เชียร์เล่ ก็คาดว่าจะมาลงด้วยเหมือนกัน
ส่วนเด็กดาวรุ่งที่สื่อคาดว่าอาจจะได้โอกาสอย่าง โทมาส คาลาส, อันเดรียส์ คริสเตนเซ่น หรือ เนธาน อาเก้ จริงๆ แล้วอาจจะลงหรือไม่ลงก็ได้
มูรินโญ่เดินหมากนี้ร้ายกาจนัก ทำเหมือนแบไต๋ตรงๆ แต่ยิ่งทำให้คู่ต่อสู้ลังเล ไม่ไว้ใจ และคิดเยอะกว่าเดิม
ลิเวอร์พูลอาจจะชนะง่ายๆ หรือหลงเหลี่ยมมูรินโญ่จนเสียท่า มีสิทธิเป็นไปได้ทั้งนั้น
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องนิ่ง เตรียมทีมเหมือนที่เคยทำจนชนะมา 11 นัดรวดในลีก คือ มีสมาธิกับตัวเอง เล่นเกมของตัวเองให้ดี คู่ต่อสู้จะเป็นใครไม่ต้องสนใจ แค่ลงไปทำให้ได้ตามมาตรฐานของตัวเองก็พอ
หงส์แดงกำลังขึ้นหม้อ มี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ โจ อัลเลน อัพเกรดขึ้นมาเป็นแกนหลักเพิ่มอีก 2 คน จอน ฟลานาแกน ก็แข็งแกร่งจนเชื่อมือได้ ปัจจัยทุกด้านเป็นใจจนแทบจะเอาแชมป์ประเคนให้วันนี้ พรุ่งนี้ซะด้วยซ้ำ
อาทิตย์นี้ถึงจะดูมึนๆ แต่โอกาสแชมป์ พรีเมียร์ลีก หลุดก็ยังยากอยู่ดี
คอลัมน์ คุยนอกจอ
โดย เอกราช เก่งทุกทาง มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557



 ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

12 ปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมตกอับในพรีเมียร์ลีกแยกทางกับมอยส์

12 ปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แยกทางกับมอยส์

ข่าวพรีเมียร์ลีก : หลังจากที่ทางสโมสรได้ประกาศแยกทางกับ เดวิด มอยส์ เป็นที่เรียบร้อย เราก็จะมาดูกันว่าอะไรคือ 12 ปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ไว้วางใจที่จะให้เขารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อไป

ความมีตัวตนในห้องแต่งตัว
ต่อหน้าสื่อมวลชน นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างก็พูดกันแต่ในแง่ดี แต่ทุกอย่างมันก็ฟ้องออกมาแล้วจากทั้งใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก และผลงานในสนาม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด มีข่าวลือแย่ๆ หลุดออกมามากมายในฤดูกาลนี้ โดยล่าสุดก็เป็น แดนนี่ เวลเบ็ค ที่เป็นข่าวว่าไม่มีความสุขกับชีวิตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนหน้านี้ก็เป็น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หลังเกมแพ้โอลิมเปียกอสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ส่วน เนมานย่า วิดิช ก็ถึงขั้นอำลาทีมล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อย บางทีเรื่องราวเบื้องหลังเหล่านี้แหละที่ทำให้การทำทีมของมอยส์เป็นไปด้วยความลำบาก

การดึงดูดนักเตะชื่อดัง
ก่อนหน้านี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพลาดการดึงตัวนักเตะอย่าง เชส ฟาเบรกาส และ แกเร็ธ เบล กันมาแล้ว เมื่อมองไปถึงช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ เราจะยังหวังอะไรอีกกับการคว้าตัว โทนี่ โครส? เมื่อปีก่อนทีมปีศาจแดงได้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยโควต้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่มาคราวนี้แม้แต่ยูโรป้า ลีก ก็ยังไม่แน่เลยว่าจะได้ไปร่วมโม่แข้งด้วยไหม และด้วยสถานการณ์แบบนี้ก็เลิกหวังได้เลยว่าจะไปคว้าตัวสตาร์ดังๆ มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

ผลงานอันย่ำแย่
ฤดูกาลนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกต่ำถึงขั้นอยู่อันดับที่ 7 บน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ซึ่งครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทำอันดับได้แย่กว่านี้ก็คือปี 1990 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ โทนี่ โครส เกิดเลย

เขาทำให้การชมเกมในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไร้ซึ่งความตื่นเต้น
มันไม่ใช่เรื่องของผลการแข่งขันเท่านั้น แต่รวมถึงสไตล์การเล่นด้วย ซึ่งในสายตาของครอบครัวเกลเซอร์ที่เป็นชาวอเมริกันแล้วเป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าตาเลย พวกเขามาจากประเทศที่มีกีฬาน่าตื่นเต้นมากมาย และความตื่นเต้นที่ว่านั้นใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ก็ไปอยู่กับลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซนอล หรือแม้กระทั่งเอฟเวอร์ตันแทน ส่วนทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับกลายเป็นทีมที่ไร้แรงจูงใจ และขาดจินตนาการ ซึ่งตรงนี้มอยส์ และทีมงานของเขาต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

เขาจะไม่ได้รับความไว้วางใจให้จับจ่ายใช้สอยในช่วงซัมเมอร์นี้อีกแล้ว
ครอบครัวเกลเซอร์พร้อมที่จะทุ่มเงิน 100 ล้านปอนด์สำหรับการเสริมทีม แต่พวกเขาคงไม่ไว้วางใจให้มอยส์ใช้จ่ายอะไรแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว มารูยาน เฟลไลนี่ ถูกดึงเข้ามาด้วยค่าตัวมหาศาล และเขาก็ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง หากว่ามอยส์ยังได้คุมทีมต่อไปใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า ก็ไม่รู้ว่าเขาจะผลาญเงินแบบไร้ประโยชน์แบบนี้อีกหรือเปล่า

บุคลิกของเขาต่อหน้าสื่อมวลชน
มอยส์เข้ามารับงานในช่วงสัปดาห์แรกท่ามกลางแรงสนับสนุนล้นหลาม เขาให้ความเคารพต่อสโมสรแห่งนี้ แต่นานวันเข้าก็กลายเป็นว่างานนี้ใหญ่เกินไปสำหรับตัวเขา ที่ผ่านมาเขามักจะกล่าวโทษสิ่งอื่นตลอด ทั้งบ่น โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ที่ยาก การตัดสินของกรรมการ โชค และสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง

ภาพลักษณ์ของสโมสรที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ค
ก่อนหน้านี้เคยมีการวิเคราะห์กันว่าหากได้ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมมันจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าภาพลักษณ์ของสโมสรเสียหายเข้าขั้นวิกฤติไปแล้ว

การลงโทษนักเตะ
แดนนี่ เวลเบ็ค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ และ แอชลี่ย์ ยัง ถูกจับภาพได้ว่าออกไปเมากันหลังจากแพ้บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีเดียวกันเกิดขึ้นกับ คริส สมอลลิ่ง มาแล้ว สิ่งที่มอยส์ได้ตอบสนองกับสถานการณ์เหล่านี้เรียกได้ว่าไม่ส่งผลดีเลยกับทางสโมสร ซึ่งนั่นจะยิ่งกลายเป็นปัญหาเรื้อรังต่อไปอีกในฤดูกาลต่อๆ ไป

สถานการณ์ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
การซื้อตัวครั้งใหญ่หนสุดท้ายของเซอร์ อเล็กซ์ ได้กลายมาเป็นกุญแจสำคัญสู่การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่พอมาในยุคของมอยส์ กลับกลายเป็นว่าดาวยิงดัตช์มีข่าวว่าไม่มีความสุขในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยออกมาบ่นเกี่ยวกับการยืนตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สถิติการถล่มประตูของเขาก็ยังถือว่าน่าประทับใจอยู่ เมื่อยิงได้ 17 ลูกในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ ก็ตามที

การตัดสินใจครั้งสำคัญ
การตัดสินใจไม่ใช้ทีมงานแบ็ครูมของเซอร์ อเล็กซ์ ดูจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา บางทีหากมอยส์ร่วมงานกับ ไมค์ ฟีแลน และ เรเน่ มิวเลนสทีน ที่รู้จักทีมเป็นอย่างดี งานของเขาอาจจะง่ายขึ้นกว่านี้ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกว่า เนมานย่า วิดิช สมควรได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อหรือไม่ หลังจากที่เตรียมย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาล รวมถึงกรณีของการใช้งาน ไรอัน กิ๊กส์ ในฤดูกาลที่ยากลำบากนี้ของทีมด้วย

แฟนๆ อาจไม่หนุนหลังเขาอีกต่อไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ทุกคนในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด จะหนุนหลังผู้จัดการทีมอยู่ตลอดเวลา แต่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในด้านลบหลังแพ้คาบ้านแบบหมดรูปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จริงมันยังมี โปรแกรมพรีเมียร์ลีก เหย้าพบกับนอริช ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์ และฮัลล์ ซิตี้ รออยู่ข้างหน้าให้เขาได้แก้ตัว แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว

ยังมีตัวเลือกอื่นๆ รออยู่อีกมากมาย
นี่คือปัจจัยที่มีความสำคัญมากที่สุด ย้อนไปในตอนที่เซอร์ อเล็กซ์ อำลาตำแหน่ง ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ โชเซ่ มูรินโญ่ ต่างก็กำลังหางานใหม่ด้วยกันทั้งคู่ มาตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ยังมี คาร์โล อันเชล็อตติ อีกคนที่น่าจับตามอง หลุยส์ ฟาน กัล เองก็มีข่าวพัวพันกับทีมปีศาจแดงอยู่ ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็อาจมองว่าได้เวลาที่จะย้ายออกจากดอร์ทมุนด์แล้ว ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ของแอตเลติโก้ มาดริด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ก็อย่าได้มองข้ามผลงานอันยอดเยี่ยมที่ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ได้ทำกับเอฟเวอร์ตันด้วย
เรื่องโดย : SiR KeaNo

เครดิต : redarmyfc.com


ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

บอร์ดผีแดงปลดเดวิด มอยส์! พ้นตำแหน่ง หลังพาทีมตกอับในฤดูกาลนี้

เรียบร้อย! บอร์ดผีแดงปลดเดวิด มอยส์ พ้นตำแหน่งกุนซือแล้ว

ข่าวพรีเมียร์ลีก : เป็นไปตามความคาดหมาย! เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายืนยันแล้วว่าทางสโมสรได้ปลดเดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่งกุนซือของทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปลด เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมออกจากตำแหน่ง หลังทำหน้าที่ได้ไม่ถึง 1 ปี โดยล่าสุดทำผลงานสุดย่ำแย่บุกไปแพ้เอฟเวอร์ตัน 0-2 ในโปรแกรมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตามเว็บไซต์สโมสรยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะติดต่อใครมาเป็นผู้จัดการคนต่อไป โดยมีข้อความระบุเพียงสั้นๆว่า 'ขอขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนัก ความซื่อสัตย์ และความทุ่มเทที่มีให้กับสโมสรตลอดมา'
ปัจจุบันแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 7 บน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แข่งไป 34 นัด ชนะ 17 นัด เสมอ 6 นัด แพ้ 11 นัดมี 57 คะแนน

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557

ผีแจกแต้ม! บุกพ่ายท็อฟฟี่ถึงถิ่น2-0 ยังยึดอันดับที่7 ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก

ผีแจกแต้ม! บุกพ่ายท็อฟฟี่ถึงถิ่น2-0+ภาพ

ข่าวพรีเมียร์ลีก : พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ฤดูกาล 2013-14

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2557

เอฟเวอร์ตัน 2 - 0 แมนฯ ยูไนเต็ด

สนาม : กูดิสัน ปาร์ค

ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก



คลิกชมภาพต่อไป

เริ่มเกมครึ่งแรก

มาได้ 9 นาที เจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตันได้ลุ้นก่อน เมื่อ รอสส์ บาร์คลี่ย์ เก็บบอลได้บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ แต่ซัดบอลข้ามคานออกไป

น.19 เชมัส โคลแมน เปิดบอลจากทางฝั่งขวาให้ สตีเว่น เนสมิธ ยิงตามน้ำ แต่บอลไปโดนแขน จอห์นนี่ อีแวนส์ กระดอนออกมา

น.22 ซิลแว็ง ดิสแต็ง วางบอลจากแดนตัวเองไปให้ หน้าเป้าแบบ โรเมอู ลูกาคู เบียดกับกองหลังแล้วโหม่งชงต่อให้ สตีเฟ่น เนย์สมิธ วิ่งมาซัดโด่งข้ามคาน

และน.26 เอฟเวอร์ตัน มาได้จุดโทษ จากเกมสวนกลับบอลมาถึง ลูกากู ทางขวาก่อนล็อกซัดด้วยซ้ายกลางประตู  และเป็น ฟิล โจนส์ ที่กางแขนสกัดบอล ทำให้ มาร์ค แคล็ตเทนเบิร์ก ชี้เป็นจุดโทษ ก่อนเป็น เลห์ตัน เบนส์ รับสังหารเข้าไปไม่พลาด เอฟเวอร์ตัน ออกนำ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0


คลิกชมภาพต่อไป

น.35 เจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นอีกจากเกมโต้กลับ เนย์สมิธ ผ่านบอลให้ มิรัลลาส ที่ขึ้นมาทางขวา ก่อนปาดเข้ากลางผ่านหน้าประตู ลูกากู เข้าชาร์ตไม่ทันบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 42 เอฟเวอร์ตัน นำห่างเป็น 2-0 จากเกมโต้กลับอีกครั้ง  เชมุส โคลแมน ไหลบอลตามช่องให้กับ เควิน มิราลลัส เข้าไปซัดมุมแคบ ผ่าน ดาบิด เดเคอา เข้าไป

ท้ายเกม โอกาสใกล้เคียงที่สุดของทีมเยือน แมนฯ ยู จากเตะมุม เวนย์ รูนี่ย์ โยนมากลางประตู แกเร็ธ แบร์รี่ โหม่งผิดเหลี่ยม แต่ยังดีที่ ทิม ฮาวเวิร์ด ช่วยเชฟได้ทัน จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน ออกนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0



คลิกชมภาพต่อไป

เริ่มเกมครึ่งหลัง

น.52 ทีมเยือน แมนฯยูไนเต็ด ได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกนอกเขตโทษฝั่งขวา แต่ มาต้า ซัดไปติดกำแพงกระเด้งออกมา

น.61 โรเมอู ลูกาคู หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ แต่ เดเคอา เซฟใว้ได้ไม่พลาด

น.79 รูนี่ย์ เล่นพลาดเสียบอลเลยโดนโต้กลับเร็ว และเป็น สตีเฟ่น เนย์สมิธ ได้ยิงด้วยบอลพุ่งไปเสาสอง แต่ ดาบิด เด เคอา ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟไว้ได้อย่างสวยงาม

น.86 แมนฯยู พลาดโอกาสที่ใกล้เคียงได้ประตูมากที่สุด เมื่อ ชิชาริโต้ ดึงจังหวะรอ ก่อนผ่านบอลให้กับ รูนี่ย์ เยื้องทางซ้ายในกรอบเขตโทษ ก่อนดวลตัวต่อตัวกับ ทิม ฮาวเวิร์ด แต่ดันยิงไปติดบล็อกออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

จบเกม แมนฯยู ยังห่วยไม่เลิก บุกพ่าย เอฟเวอร์ตัน 2-0 โดยเจ้าบ้าน ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน ยังมีลุ้นแย่งไปเล่น ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกโดยตามหลัง อาร์เซน่อล อันดับสี่ ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อยู่เพียงแค่ คะแนนเดียว ส่วนแมนยู อยู่อันดับที่ 7 ได้แค่ลุ้น ยูโรป้า

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

เอฟเวอร์ตัน ระบบ(4-2-3-1): ทิม ฮาวเวิร์ด : เชมัส โคลแมน, จอห์น สโตนส์, ซิลแว็ง ดิสแต็ง(อันโตลิน อัลคาราซ น.45) , เลห์ตัน เบนส์ : เจมส์ แม็คคาร์ธี่, แกเร็ธ แบร์รี่ , สตีเวน เนย์สมิธ , รอสส์ บาร์คลี่ย์(ออสมาน น.70) , เควิน มิรัลลาส(ไอเดน แม็คเกียดี้ น.90+4) : โรเมลู ลูกากู

แมนฯ ยูไนเต็ด ระบบ(4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา : อาเลกซานเดอร์ บุทท์เนอร์ , ฟิล โจนส์ , คริส สมอลลิง , จอนนี่ อีแวนส์(ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ น.61) : ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไมเคิ่ล คาร์ริค, ฆวน มาต้า, ชินจิ คางาวะ(เวลเบ็ค น.75) , นานี่(อันโตนิโอ วาเลนเซีย น.61) : เวย์น รูนี่ย์



คลิกชมภาพต่อไป

ติดตามข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

สิงห์พัง!แมวดำบุกข่วนคาบ้าน1-2 ตามจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ต่อไป

สิงห์พัง!แมวดำบุกข่วนคาบ้าน1-2ตามหงส์2แต้ม

ข่าวพรีเมียร์ลีก : "สิงห์" โยนโอกาสขึ้นจ่าฝูงทิ้งแบบน่าเจ็บใจ หลังพลาดท่าเจอ "แมวดำ" บุกมาเชือดถึงบ้าน 2-1 ทำแต้มหยุดอยู่นิ่งที่ 75 คะแนน รั้งรองจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ต่อเช่นเดิม

การแข่งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013/2014 ประจำคืนวันเสาร์ที่ 19 เมษายน 2557 ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์

เริ่มเกมไปได้เพียง 12 นาที เชลซี มาได้ประตูไปก่อนจากลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดเข้าหน้าประตู และเป็น ซามูเอล เอโต้ ที่วิ่งมาพร้อมกับ ลี แค็ทเทอร์มอร์ ที่คอยตามประกบอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะโฉบมาจัดการหวดด้วยขวาแบบเน้นๆ บอลผ่านมือ วีโต้ มานโนเน่ เข้าไปอย่างเฉียบขาด เจ้าถิ่นนำ 1-0

น.18 ทีมเยือนไม่เสียขวัญแถมยังทำประตูคืนได้อย่างรวดเร็ว มาร์กอส อลอนโซ่ รับบอลจากลูกเตะมุมที่ส่งมาให้ที่นอกเขต ก่อนจะจับแล้วซัดไกลระยะ 22 หลา บอลพุ่งไปถูก มาร์ค ชวาร์เซอร์ ปัดไว้ได้ แต่ลูกยังเข้าทาง คอนเนอร์ วิคแฮม วิ่งมาซ้ำจ่อๆ เข้าไป ซันเดอร์แลนด์ ตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1

ผ่านมาถึงนาทีที่ 37 เชลซี มาได้ลูกเตะมุม วิลเลี่ยน เปิดไปให้ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ได้โขกจ่อๆ 6 หลา บอลไปถูก มานโนเน่ ปัดชนคานก่อนจะตกบนเส้น ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าบอลติดมือไว้ได้อีกครั้ง เจ้าถิ่นชวดโอกาสขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นช่วงท้ายไม่มีการทำประตูเพิ่มเติมอีก หมดครึ่งแรกเสมอไป 1-1

กลับมาสู่ช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 57 ลี แค็ทเทอร์มอร์ มาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมนี้ หลังจงใจไปดึงไม่ให้ ออสการ์ ลากหนี ในจังหวะที่ถูกฉกบอลไปได้

น.59 เชลซี ต้องแก้เกมส่ง เดมบา บา ลงมาช่วยเสริมเกมในแดนหน้าเป็นคนแรก โดยที่ทีมถอดเอา ออสการ์ ออกไป

น.65 เจ้าถิ่นพลาดโอกาสได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อ เดมบา บา ทำชิ่งให้ วิลเลี่ยน ลากไปจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะตบกลับคืนให้ บา ที่วิ่งรออยู่สไลด์ไปที่บอลเพื่อทำประตู แต่สุดท้ายโดนไม่ดีลูกเลยปลิ้นถากเสาออกไปแบบไม่น่าเชื่อ สกอร์ยังอยู่ที่ 1-1

น.66 ทีมเยือนเปลี่ยนตัวที่เดียวสองคนรวด ส่ง เอมานูเอเล่ จั๊คเครินี่ และ โจซี่ อัลติดอร์ ลงสนามแทน อดัม จอห์นสัน กับ คอนเนอร์ วิคแฮม ขณะที่เจ้าถิ่นก็ถอด โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ ออกไปแล้วส่ง อังเดร ชูร์เล่ ลงมาแทน

น.72 เวส บราวน์ มารับใบเหลืองเป็นคนที่สองของ ซันเดอร์แลนด์ หลังพุ่งเข้าไปกระแทกดักใส่ เดมบา บา แบบน่าเกลียด

น.74 "สิงห์บลูส์" ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงมาเพิ่มในแนวรุก โดยลงมาแทนที่ของ ซามูเอล เอโต้ ที่ดูจะเงียบๆ ไปในช่วงครึ่งหลัง

น.81 เชลซี โชคร้ายต้องมาเสียลูกจุดโทษ เมื่อ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ไปลื่นตรงข้างสนามจนถูก โจซี่ อัลติดอร์ ฉกบอลไปได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะมาถูก อัซปิลิกวยต้า ตามสไลด์ใส่จนล้ม ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกโทษทันที และเป็น ฟาบิโอ บอรินี่ รับหน้าที่ซัดหนีตัว มาร์ค ชวาร์เซอร์ เข้าไป "แมวดำ" พลิกขึ้นนำ 2-1

ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นพยายามโหมบุกหนักเพื่อหวังตามตีเสมอแต่ทำไม่สำเร็จ หมดเวลา ซันเดอร์แลนด์ บุกมาเอาชนะ เชลซี ไปได้ 2-1 ส่งให้ทีมขยับแต้มเพิ่มเป็น 29 คะแนน แต่รั้งอยู่อันดับสุดท้ายของลีกเหมือนเดิม ส่วนเจ้าถิ่นจากความพ่ายแพ้ทำให้มี 75 คะแนนเท่าเดิม โดยรั้งอยู่อันดับ 2 ของลีก ตามหลัง ลิเวอร์พูล อยู่ 2 คะแนนเท่านั้น

โดย โปรแกรมพรีเมียร์ลีก นัดต่อไปของ "สิงโตน้ำเงินคราม" จะต้องเจอศึกหนักด้วยการออกไปเยือนจ่าฝูงอย่าง "หงส์แดง" ในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน ส่วน "แมวดำ" จะได้กลับไปเล่นในบ้านพบ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ วันเดียวกันต่อไป

รายชื่อผู้เล่น เชลซี (4-2-3-1) :
มาร์ค ชวาร์เซอร์ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, จอห์น เทอร์รี่, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า - รามิเรส, เนมันย่า มาติช - โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ (อังเดร ชูร์เล่ น.66), ออสการ์ (เดมบา บา น.59), วิลเลี่ยน - ซามูเอล เอโต้ (เฟร์นานโด ตอร์เรส น.74)
ผู้เล่นสำรอง
เอ็นริเก้ ฮิลาริโอ้ - ดาวิด หลุยซ์ - แฟร้งค์ แลมพาร์ด - จอห์น โอบี มิเกล

รายชื่อผู้เล่น ซันเดอร์แลนด์ (4-1-4-1) :
วีโต้ มานโนเน่ - ซานติอาโก้ เวอร์จินี่, จอห์น โอเช, เวส บราวน์, มาร์กอส อลอนโซ่ - ลี แค็ทเทอร์มอร์ - อดัม จอห์นสัน (เอมานูเอเล่ จั๊คเครินี่ น.66), เซบาสเตียน ลาร์สสัน, แจ็ค โคลแบ็ค, ฟาบิโอ บอรินี่ - คอนเนอร์ วิคแฮม (โจซี่ อัลติดอร์ น.66)
ผู้เล่นสำรอง
ออสการ์ อุสตารี่ - ออนเดร เซลุสก้า - เอล-ฮัดจิ บา - นาโช่ สค็อกโก้ - ชาราลัมปอส มาวริอาส

ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน

สรุป ผลบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

สเปอร์ส 3-1 ฟูแล่ม     
เวสต์แฮม 0-1 คริสตัล พาเลซ   
แอสตัน วิลล่า 0-0 เซาธ์แฮมป์ตัน     
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1-1 สโต๊ค ซิตี้   
นิวคาสเซิ่ล 1-2  สวอนซี     
เชลซี 1-2 ซันเดอร์แลนด์

เครดิต : premierdream.com

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

ผีได้เฮรูนฟิตทันเกมพรีเมียร์ลีกบุกเคี้ยวทอฟฟี่

ผีได้เฮรูนฟิตทันเกมบุกเคี้ยวทอฟฟี่ 

ข่าวพรีเมียร์ลีก : กลับมาได้ถูกจังหวะ! "ผีแดง" ได้ดีใจก่อน รายงานเผย รูนี่ย์ กลับมาลงซ้อมได้เรียบร้อย คาดมีชื่อแน่ใน โปรแกรมพรีเมียร์ลีก เจอกับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" หลังต้องฝืนเล่นในช่วงก่อนหน้านี้

สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้รับข่าวดีเมื่อมีรายงานว่า เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวความหวังของทีม สามารถสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาฟิตพร้อมช่วยทีมได้แล้ว โดยคาดว่าน่าจะมีชื่อในทัพ "ปีศาจแดง" ชุดบุกเยือน กูดิสัน พาร์ค เล่นเกม พรีเมียร์ลีก กับ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ 20 เมษายนนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้ สตาร์ "ปีศาจแดง" ได้รับมาเจ็บมาตั้งแต่ก่อนจะเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ก็ยังฝืนเล่นช่วยทีมในเกมเจอกับ "เสือใต้" แต่ก็ทำผลงานไม่ได้ดีเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากยังไม่หายเป็นปกติ 100% แต่ล่าสุดรายงานระบุว่า รูนี่ย์ พร้อมลงเล่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีรายงานว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษฟิตพร้อมแล้ว แต่คาดว่า เดวิด มอยส์ กุนซือของทีมอาจไม่เสี่ยงเจ้าตัวลงสนามเป็น 11 ตัวจริงก็เป็นได้ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เจ้าตัวเจ็บซ้ำได้ ขณะที่หัวหอกอีกรายอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ไม่พร้อมและยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ




ติดตาม ข่าวพรีเมียร์ลีก ผลบอลพรีเมียร์ลีก โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ได้ที่ :
http://sport.sanook.com/football/premierleague/

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2557

รีวิว ! โค้งสุดท้ายจ่าฝูงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก เช็กบิลหงส์ล่องเรือ

เช็กบิลหงส์ล่องเรือ...?

ข่าวพรีเมียร์ลีก : โค้งสุดท้ายจ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก หลังเกมหงส์แดง บุกเฉือน เรือใบสีฟ้า

3 แต้มในถิ่นแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล ยังคงไม่ใช่บทสรุปที่สมบูรณ์แต่ละนัดที่เหลืออยู่มีโอกาสพลิกสถานการณ์จ่าฝูง ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ไปอีกรูปแบบหนึ่งได้ อย่างไรก็ตามทีนี่คือประเด็นที่ชัดเจนของหงส์แดงกับการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก เมื่อทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆโดยไม่ต้องตั้งกองแช่งขึ้นมาคอยภาวนาให้คู่แข่งพลาด
รับมือความกดดัน...
แม้ว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังไม่พูดถึงแชมป์ให้กระดากปาก แต่อาการดีใจสวมกอด ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คงบ่งบอกถึงความรู้สึกได้ว่าความคาดหวังอยู่ตรงไหน
นักเตะหงส์แดงเล่นเป็นพระเอกในครึ่งแรก โชว์ฟอร์มเทพประหนึ่งว่าเรือใบสีฟ้าคือทีมธรรมดาๆทีมหนึ่ง บ่งบอกให้เห็นถึงสถานการณ์ของจ่าฝูงว่าไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย
สิ่งที่พิสูจน์คุณค่าที่คู่ควรจริงๆกลับอยู่ในครึ่งหลังของเกม เพราะเรือใบต้องโหมและเอาคืนให้ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามเส้นทางที่ มานูเอล เปเญกรีนี่ และลูกทีมต้องการ
เป็นช่วงเวลาที่หลายคนมองในมุมเดียวกันว่าปัจจัยอย่างหนึ่งของหงส์แดงกับการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก โค้งสุดท้ายก็คือ การรับมือความกดดัน เพราะลิเวอร์พูลไม่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านแต่ละนาทีไปได้ อาการแกว่งไปแกว่งมาของเกมรับลิเวอร์พูลเมื่อถูกกดดันหนักๆออกอาการเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นั้นกลับพลิกผันและผ่านไปได้ด้วยสปิริต ด้วยความมุ่งมั่นที่มีมากกว่าเรือใบ นักเตะหงส์แดงมุ่งมั่นในชัยชนะมากกว่าชัดเจน เอาสปิริตตรงนั้นมารับมือความกดดันที่เกิดขึ้น
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง...
รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษไม่พลาดกับเกมใหญ่แบบนี้เพื่อเช็กชื่อเช็กฟอร์มนักเตะในกลุ่มเป้าหมายที่จะพาไปลุยฟุตบอลโลกที่บราซิล
ร็อดเจอร์ส ส่งนักเตะอังกฤษลงสนามพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อให้ รอย ออดจ์สัน ชมผลงานได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,เกล็น จอห์นสัน,แดเนียล สเตอร์ริดจ์และราฮีม สเตอร์ลิ่ง
โดยเฉพาะ สเตอร์ลิ่ง ที่เล่นเป็นตัวกลางในบทบาทที่ ฮอดจ์สัน ต้องเก็บไปขบคิดและเก็บไว้เป็นอีกออปชั่นในแผนการเล่นของทีมชาติอังกฤษ จะหอบหิ้วไปด้วยหรือไม่คงผ่านจุดนั้นไปแล้ว น่าจะคิดมากกว่าว่าตัวจริงหรือสำรอง
หลุยส์ ซัวเรซ...
ทุ่มเทเกินร้อยเสมอ นั่นคือภาพทุกสัปดาห์ที่เห็น หลุยส์ ซัวเรซ ลงสนามให้กีบลิเวอร์พูล เป็นตัวที่กดดันเกมรับคู่แข่งได้ตลอดเวลา
ไม่มีสกอร์จากซัวเรซ ในเกมเฉือนชนะเรือใบที่แอนฟิลด์ แต่ความทุ่มเทยังคงเกินร้อนเหมือนเดิม ลิเวอร์พูลและ หลุยส์ ซัวเรซ อยู่ในจุดที่พูดได้ว่าโชคดีไม่น้อยที่สามารถอยู่ในสนามได้ตลอดทั้งเกม
การเข้าเสียบช้าใส่ มาร์ติน เดมิเคลิส เป็นเหลืองแรก จากนั้นมีการทิ้งตัวเพื่อเรียกฟรีคิกซึ่งชัดเจนว่าน่าจะโดนเหลืองที่ 2 นักเตะเรือใบกรูเข้าใส่ มาร์ค คลัทเทนเบิร์ก เพื่อกดดันให้ชักอีกเหลืองออกมา
โชคดีที่พี่มาร์คเฉยและนิ่งทำให้ ซัวเรซ ได้อยู่ในสนามต่อไปจนจบเกม ลิเวอร์พูลโชคดีกรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ แต่โชคร้ายในเหตุการณ์ของ จอร์แดน ฮนเดอร์สัน และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์
เฮนเดอรฺสัน มิดฟิลด์พลังเทอร์โบของหงส์แดง โดนตะเพิดออกจากสนามในช่วงทดเจ็บ ซึ่งเป็นจังหวะเปิดปุ่มสองเท้าเข้าสกัดคู่แข่ง เป็นการสูญเสียที่สำคัญที่เสียตัวไล่ในแดนกลางกับเกมที่เหลืออยู่
นอกจากนี้ยังมี แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ต้องมีการลุ้นกันหน่อยว่าอาการบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน ทั้ง 2 คนเป็นกองกำลังหลักของทีมในฤดูกาลนี้ ดันมาขาดหายไปในช่วงสำคัญน่าเสียดายแย่เลย
สตีเว่น เจอร์ราร์ด...
ถึงกับน้ำตาร่วงหลังจบเกม นั่นเพราะทุ่มเทและเต็มที่กับเกมนี้มากเป็นพิเศษ ทำให้การลุ้นแชมป์          พรีเมียร์ลีก ยังคงไปได้สวยเหมือนเดิม เรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การชื่นชมก็คือหลายนัดที่ผ่านมากัปตันทีมหงส์แดงต้องเล่นในสถานการณ์ที่โดนใบเหลืองไม่ได้จะโดนกักตัวทันที 2 นัด
ผ่านมาได้แบบตลอดรอดฝั่งด้วยประสบการณ์และวิธีการเล่นที่ ร็อดเจอร์ส วางไว้ให้ นาทีนี้โล่งใจไปเรียบร้อยแล้ว เพราะหลังจากนี้ใบเหลืองไม่มีผลกับการโดนกักตัวในเกมที่เหลืออยู่
แว็งซองต์ กอมปานี...
กัปตันทีมเรือใบคือหัวใจในแนวรับ เป็นนักเตะคนสุดท้ายที่จะไปคาดเกาว่าจะสร้างความผิดพลาดให้เกิดขึ้นในแนวป้องกัน
ทว่าเมื่อเกิดขึ้นและเป็นจังหวะที่โดน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ลงโทษทันทีเป็นประตูชัยของลิเวอร์พูล ก่อนหน้านั้นความผิดพลาดของ กอมปานี เกิดขึ้นแล้ว จากประตูที่ 2 ที่เรือใบเสียให้หงส์แดง กอมปานี ประกบ มาร์ติน สเคอร์เทล ในจังหวะเตะมุม แต่ดันไม่ตามให้ตลอดปล่อยให้ สเคอร์เทล โหม่งพังประตูได้
ความผิดพลาดในนัดนี้ของ กอมปานี อาจจะต้องชดใช้ด้วยการพลาดแชมป์ก็เป็นไปได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงถือว่าเป็นการชดใช้ด้วยมูลค่าที่สูงลิ่ว
เจมส์ มิลเนอร์...
เกมหนักๆและมีความหมายขนาดนี้ หลายคนงงๆเหมือนกันที่ เปเญกรีนี่ สตาร์ตด้วยการส่ง นาบาส เป็นตัวจริง อย่างไรก็ตมเมื่อมีโอกาสลงสนามในครึ่งหลัง มิลเนอร์ คือตัวเปลี่ยนเกมของเรือใบที่ชัดเจนมากคนหนึ่ง
สามารถสร้างความวุ่นวายในแนวรับฝั่งซ้ายของหงส์แดงเป็นกอบเป็นกำ สร้างความสมดุลในเกมรุกกับ ดาวิด วิลบาและซามีร์ นาสรี่ ได้สุดๆ
ดามัน